กรุงเทพฯ, 5 มิถุนายน 2567 /PRNewswire/ — QS Quacquarelli Symonds (QS) ผู้เชี่ยวชาญด้านการศึกษาระดับอุดมศึกษาชั้นนำระดับโลก ประกาศเผยแพร่ผลการจัดอันดับมหาวิทยาลัยโลกประจำปี 2025 ซึ่งเป็นการจัดอันดับมหาวิทยาลัยนานาชาติที่ได้รับความนิยมสูงสุด โดยเป็นกรอบการจัดอันดับเพียงแห่งเดียวที่ประเมินทั้งความสามารถในการจ้างงานและปัจจัยด้านความยั่งยืน
ในการจัดอันดับมหาวิทยาลัยโลก QS ประจำปี 2025 จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยยังคงรักษาตำแหน่งสถาบันการศึกษาชั้นนำของประเทศไทย แม้ว่าอันดับโลกจะลดลง 18 อันดับ เหลืออันดับที่ 229 ในปีนี้ ขณะที่มหาวิทยาลัยมหิดล ซึ่งเป็นสถาบันการศึกษาอันดับสองของไทย ขยับอันดับขึ้น 15 อันดับในปีนี้ ไปอยู่อันดับที่ 368 ร่วมกับสถาบันการศึกษาอื่นๆ
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ (MIT) ยังคงครองอันดับ 1 เป็นปีที่ 13 ติดต่อกัน ในขณะที่ อิมพิเรียลคอลเลจลอนดอน (Imperial College London) รักษาอันดับ 2 ไว้ได้เช่นเดียวกับปี 2014 มหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด (University of Oxford) คว้าอันดับ 3 ร่วมกับมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด (Harvard University) ส่วนมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ (University of Cambridge) รั้งอันดับ 5 สถาบันเทคโนโลยีแห่งแคลิฟอร์เนีย (Caltech) เป็นสถาบันเดียวที่สามารถเข้ามาอยู่ใน 10 อันดับแรกของโลกในปีนี้ นอกจากสหราชอาณาจักรและสหรัฐอเมริกาแล้ว สวิตเซอร์แลนด์และสิงคโปร์เป็นเพียง 2 ประเทศที่มีสถาบันอยู่ใน Top 10 โดยมี ETH Zurich และมหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ (NUS) อยู่ในอันดับที่ 7 และ 8 ตามลำดับ
การจัดอันดับมหาวิทยาลัยโลกโดย QS ปี 2025: 20 อันดับแรก | |||
อันดับปี 2025 | อันดับปี 2024 | สถาบัน | ประเทศ |
1 | 1 | Massachusetts Institute of Technology (MIT) | United States |
2 | 6 | Imperial College London | United Kingdom |
3 | 3 | University of Oxford | United Kingdom |
4 | 4 | Harvard University | United States |
5 | 2 | University of Cambridge | United Kingdom |
6 | 5 | Stanford University | United States |
7 | 7 | ETH Zurich – Swiss Federal Institute of Technology | Switzerland |
8 | 8 | National University of Singapore (NUS) | Singapore |
9 | 9 | UCL | United Kingdom |
10 | 15 | California Institute of Technology (Caltech) | United States |
11 | 12 | University of Pennsylvania | United States |
12 | 10 | University of California, Berkeley (UCB) | United States |
13 | 14 | The University of Melbourne | Australia |
14 | =17 | Peking University | China (Mainland) |
15 | =26 | Nanyang Technological University, Singapore (NTU) | Singapore |
16 | 13 | Cornell University | United States |
17 | =26 | The University of Hong Kong | Hong Kong SAR |
18 | =19 | The University of Sydney | Australia |
19 | =19 | The University of New South Wales (UNSW Sydney) | Australia |
20 | 25 | Tsinghua University | China (Mainland) |
ภาพรวมประเทศไทย
- ประเทศไทย ศูนย์กลางวิชาการที่กำลังเติบโต
สถาบันการศึกษากว่า 69% ของไทย มีคะแนนด้านชื่อเสียงทางวิชาการ (Academic Reputation) ที่ดีขึ้นในปี 2025 โดยจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ติดอันดับ Top 100 ของโลกในตัวชี้วัดนี้ ซึ่งอยู่อันดับที่ 97 - ความร่วมมือระหว่างประเทศ
มหาวิทยาลัยไทยที่ติดอันดับ (54%) มากกว่าครึ่ง ปรับอันดับดีขึ้นในตัวชี้วัดเครือข่ายวิจัยระหว่างประเทศ (International Research Network) ซึ่งเป็นสัญญาณที่ชี้ว่า สถาบันการศึกษากำลังสร้างและรักษาความร่วมมือด้านการวิจัย เพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหาของโลกและเผยแพร่ผลงานวิจัยที่มีความสำคัญไปสู่สาธารณะ - ช่องว่างสำหรับการพัฒนาโอกาสการมีงานทำ
สถานการณ์การศึกษาไทยกำลังเผชิญกับความท้าทายครั้งสำคัญ เมื่อมหาวิทยาลัยไทยทุกแห่งประสบปัญหาคะแนนความเชื่อมั่นของ นายจ้าง (Employer Reputation) ลดลง 100% ประกอบกับ ผลลัพธ์ด้านการมีงานทำของผู้สำเร็จการศึกษา (Employment Outcomes) ถดถอยลงถึง 92% สะท้อนให้เห็นถึงโอกาสการมีงานทำของบัณฑิตไทยที่น่าเป็นห่วงแม้ว่าจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยจะยังคงรักษาอันดับ Top 100 ของโลกด้านผลลัพธ์การมีงานทำของผู้สำเร็จการศึกษา แต่ก็ร่วงลงถึง 16 อันดับ ซึ่งเป็นสัญญาณที่ไม่ควรมองข้าม
- โอกาสในการพัฒนาผลลัพธ์ด้านความยั่งยืน
แม้ว่าผลด้านความยั่งยืน (Sustainability) จะไม่ใช่จุดที่ไทยทำคะแนนได้น้อยที่สุด แต่ตัวชี้วัดนี้ก็แสดงให้เห็นว่า สถาบันการศึกษากว่าสอง ในสาม ของประเทศมีคะแนนลดลง ซึ่งสวนทางกับเป้าหมายของประเทศไทยในการยกระดับผลลัพธ์ด้านความยั่งยืนและการจัดแนวทางตามกรอบความร่วมมือเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนแห่งสหประชาชาติ พ.ศ. 2565-2569 (UN Sustainable Development Cooperation Framework 2022-2026)
การจัดอันดับมหาวิทยาลัยโลก QS ประจำปี 2025 ครั้งนี้ ประเมินมหาวิทยาลัย 1,500 แห่ง จาก 106 ระบบการศึกษาระดับอุดมศึกษา โดยสหรัฐอเมริกาส่งสถาบันเข้าร่วมการจัดอันดับมากที่สุด โดยมีสถาบันที่ติดอันดับ 197 แห่ง ตามมาด้วยสหราชอาณาจักร 90 แห่ง และจีน (แผ่นดินใหญ่) 71 แห่ง ประเทศไทยมีสถาบันที่ติดอันดับ 13 แห่ง ในจำนวนนี้ 3 แห่ง มีอันดับดีขึ้น 5 แห่ง มีอันดับลดลง และอีก 5 แห่ง ยังคงอยู่ในอันดับเดิม ส่งผลให้ภาพรวมของประเทศไทยดีขึ้น 23%
QS World University Rankings 2025: ผลงานจัดอันดับของประเทศไทย | ||
อันดับปี 2025 | อันดับปี 2024 | สถาบัน |
229 | 211 | จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย |
=368 | =382 | มหาวิทยาลัยมหิดล |
=567 | =571 | มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ |
951-1000 | 951-1000 | มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี |
781-790 | 751-760 | มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ |
=596 | =600 | มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ |
951-1000 | 951-1000 | มหาวิทยาลัยขอนแก่น |
951-1000 | 901-950 | มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ |
1401+ | 1201-1400 | มหาวิทยาลัยนเรศวร |
1201-1400 | 1201-1400 | มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี |
1201-1400 | 1201-1400 | มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ |
1201-1400 | 1201-1400 | สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง |
1401+ | 1201-1400 | มหาวิทยาลัยศิลปากร |
เบน ซอว์เตอร์ รองประธานอาวุโสของ QS กล่าวว่า "การเติบโตของชื่อเสียงทางวิชาการและความร่วมมือระหว่างประเทศของไทย ถือเป็นพัฒนาการที่ยอดเยี่ยมในฐานะที่ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางการศึกษาที่มีคุณภาพ เนื่องด้วยนักศึกษาและผู้ปกครองให้ความสำคัญกับทักษะและประสบการณ์ในสถานที่ทำงานมากขึ้น ซึ่งมหาวิทยาลัยต่างๆ มอบให้เพื่อเตรียมความพร้อมบัณฑิตจบใหม่สู้งาน มหาวิทยาลัยไทยมีโอกาสที่จะยกระดับความสัมพันธ์กับภาคอุตสาหกรรมและหลักสูตร เพื่อให้แน่ใจว่านักศึกษาได้รับทักษะที่มีค่าที่นายจ้างต้องการ"
ภาพรวม: ประเทศไทย
เกณฑ์การวัด | น้ำหนัก | มหาวิทยาลัยชั้นนำของไทย | จัดอันดับตามตัวบ่งชี้ | อันดับโดยรวม |
ชื่อเสียงทางด้านวิชาการ (Academic Reputation) | 30 % | จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย | 97th | 229th |
การยอมรับจากนายจ้าง (Employer Reputation) | 15 % | จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย | 261st | 229th |
สัดส่วนอาจารย์ต่อนักศึกษา (Student to Faculty Ratio) | 10 % | มหาวิทยาลัยมหิดล | 126th | =368th |
การอ้างอิงผลงานทางวิชาการ (Citations Per Faculty) | 20 % | มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี | 760th | 1201-1400 |
สัดส่วนอาจารย์ต่างชาติ (International Faculty Ratio) | 5 % | จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย | 615th | 229th |
สัดส่วนนักศึกษาต่างชาติ (International Faculty Ratio) | 5 % | มหาวิทยาลัยมหิดล | 963rd | =368th |
เครือข่ายการวิจัยระหว่างประเทศ (International Research Network) | 5 % | จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย | 331st | 229th |
ผลลัพธ์การจ้างงาน (Employment Outcomes) | 5 % | จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย | 60th | 229th |
ความยั่งยืน (Sustainability) | 5 % | จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย | 198th | 229th |
- จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยครองอันดับมหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศไทย โดยขึ้นแท่นอันดับหนึ่งในหกจากเก้าตัวชี้วัดของ QS มหาวิทยาลัยแห่งนี้ได้รับคะแนนสูงสุดในประเทศไทย สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งเน้นการสร้างงานที่มีคุณภาพและความสัมพันธ์ที่ดีกับภาคอุตสาหกรรม ซึ่งส่งผลให้จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยติดอันดับ 60 ของโลกในด้านผลลัพธ์ด้านการจ้างงาน
- สถาบันการศึกษากว่า 69% ของไทย ได้ขยับขึ้นในตัวชี้วัด ด้านชื่อเสียงทางวิชาการ ซึ่งชี้ให้เห็นถึงคุณภาพงานวิจัย แนวทางการเป็นพันธมิตรทางวิชาการ ผลกระทบเชิงกลยุทธ์ นวัตกรรมทางการศึกษา และผลกระทบที่สถาบันเหล่านั้นมีต่อการศึกษาและสังคมโดยรวม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยทำผลงานได้โดดเด่นที่สุดในตัวชี้วัดนี้ โดยติด 1 ใน 100 อันดับแรกของโลกที่อันดับที่ 97
- ถึงแม้ว่ามหาวิทยาลัยไทยกว่าสองในสามจาก 13 แห่งที่ติดอันดับจะร่วงลงในตัวชี้วัด ด้านความยั่งยืน แต่มีถึง 8 แห่งที่ติดอันดับ 500 อันดับแรกของโลก มหาวิทยาลัยมหิดล พุ่งขึ้นถึง 195 อันดับในตัวชี้วัดนี้ โดยอยู่อันดับที่ 276 ของโลก ตามหลังจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยที่อยู่อันดับที่ 198 อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยยังคงครองอันดับสองในด้านคะแนนเฉลี่ยความยั่งยืนที่สูงที่สุดในเอเชีย
- ประเทศไทยยังมีช่องว่างสำหรับการปรับปรุงผลลัพธ์ด้านการจ้างงานและการเชื่อมโยงกับภาคอุตสาหกรรม โดยมหาวิทยาลัยทั้งหมด 100% ของประเทศไทยมีคะแนนลดลงในตัวชี้วัด ด้านการยอมรับจากนายจ้าง (Employer Reputation) และ 92% มีคะแนนลดลงใน ด้านผลลัพธ์การจ้างงาน (Employment Outcomes)
- ประเทศไทยมีโอกาสในการพัฒนากลยุทธ์ในการทำให้เป็นสากล ทั้งในด้านวิชาการ ทางด้านนักศึกษา และสถาบันการศึกษาของไทยทั้ง 13 แห่งที่ติดอันดับนั้น ไม่มีแห่งใดที่ติดอันดับ 500 อันดับแรกของโลกในตัวชี้วัดอัตราส่วนของอาจารย์ต่างชาติ (International Faculty Ratio) หรืออัตราส่วนนักศึกษาต่างชาติ (International Student Ratio) เมื่อพิจารณาคะแนนเฉลี่ยระหว่างตัวชี้วัดทั้งสองนี้ ประเทศไทยติดอันดับหกประเทศล่างสุดในเอเชีย
ภาพรวม: ภูมิภาคเอเชีย
สิงคโปร์เป็นประเทศเดียวในเอเชียที่ติดอันดับ 10 อันดับแรกของโลกในอันดับล่าสุด จีนแผ่นดินใหญ่ครองอันดับหนึ่งในภูมิภาคที่มีมหาวิทยาลัยติดอันดับมากที่สุด และมีสัดส่วนของมหาวิทยาลัยที่ปรับอันดับดีขึ้นสูงสุด (69%) ในบรรดาประเทศ/ดินแดนที่มีสถาบันที่ติดอันดับมากกว่า 10 แห่ง ตามมาด้วยอินเดียที่ 61% ในทางกลับกัน ญี่ปุ่นมีแนวโน้มลดลงมากที่สุด โดยมหาวิทยาลัยที่ติดอันดับ 63% มีอันดับลดลง ซึ่งเป็นแนวโน้มที่ลดลงอย่างต่อเนื่องมาตลอดสิบปี อย่างไรก็ตาม ญี่ปุ่นยังคงมีมหาวิทยาลัยที่ติดอันดับ 200 อันดับแรกของภูมิภาคมากที่สุด ที่ 10 แห่ง ตามมาด้วยจีนแผ่นดินใหญ่ 9 แห่ง และเกาหลีใต้ 7 แห่ง อินโดนีเซียโดดเด่นในเรื่องความมั่นคง โดยมหาวิทยาลัยที่ติดอันดับ 65% รักษาอันดับไว้ได้ และ 35% ปรับอันดับดีขึ้น มาเลเซียมีมหาวิทยาลัยที่ติดอันดับ 50% อันดับดีขึ้น 29% คงเดิม และ 21% อันดับลดลง
การเปรียบเทียบระดับภูมิภาค: เอเชียในการจัดอันดับมหาวิทยาลัยโลกโดย QS ปี 2025 | ||||||||||||
ประเทศ/เขตพื้นที่ | อันดับมหาวิทยาลัย | % ที่พัฒนาขึ้น | % ไม่เปลี่ยนแปลง | % ลดลง | ใหม่ | Top 10 | Top 20 | Top 50 | Top 100 | Top 200 | Top 500 | Top 1000 |
Singapore | 4 | 25 | 25 | 50 | 1 | 2 | 2 | 2 | 2 | 3 | 4 | |
China (Mainland) | 71 | 69 | 15 | 15 | 2 | 5 | 5 | 9 | 33 | 57 | ||
Hong Kong SAR | 7 | 86 | 0 | 14 | 1 | 3 | 5 | 5 | 6 | 7 | ||
South Korea | 43 | 37 | 28 | 35 | 1 | 5 | 7 | 13 | 29 | |||
Japan | 49 | 16 | 20 | 63 | 2 | 4 | 10 | 13 | 28 | |||
Malaysia | 28 | 50 | 29 | 21 | 1 | 5 | 8 | 19 | ||||
Taiwan | 27 | 26 | 44 | 30 | 1 | 1 | 8 | 14 | ||||
India | 46 | 61 | 24 | 9 | 3 | 2 | 11 | 31 | ||||
Indonesia | 26 | 35 | 65 | 0 | 5 | 10 | ||||||
Thailand | 13 | 23 | 38 | 38 | 2 | 8 | ||||||
Macau SAR | 2 | 100 | 0 | 0 | 2 | 2 | ||||||
Pakistan | 14 | 57 | 21 | 21 | 2 | 10 | ||||||
Philippines | 5 | 60 | 0 | 40 | 1 | 4 | ||||||
Brunei | 2 | 50 | 0 | 50 | 1 | 2 | ||||||
Vietnam | 6 | 67 | 17 | 0 | 1 | 1 | 4 | |||||
Bangladesh | 15 | 33 | 47 | 20 | 3 | |||||||
Sri Lanka | 3 | 33 | 33 | 0 | 1 | 1 |
แผนภูมิด้านล่างแสดงการเปรียบเทียบโดยละเอียดของตัวบ่งชี้ประสิทธิภาพต่างๆ สำหรับสถาบันอุดมศึกษาในหลายประเทศและดินแดนในเอเชีย
การจัดอันดับมหาวิทยาลัยโลกโดย QS ปี 2025: การเปรียบเทียบระดับภูมิภาค: เอเชียโดยคะแนนเฉลี่ยต่อตัวบ่งชี้ | ||||||||||
ประเทศ/อาณาเขต | ไม่มีอันดับ HEi | คะแนนชื่อเสียงทางวิชาการ | คะแนนการยอมรับจากนายจ้า | คะแนน คะแนนอัตราส่วนอาจารย์ | คะแนนการอ้างอิงผลงานทางวิชาการ | คะแนนสัดส่วนอาจารย์ต่างชาติ | คะแนนสัดส่วนนักศึกษาต่างชาติ | คะแนนเครือข่ายการวิจัยระหว่างประเทศ | คะแนนผลลัพธ์การจ้างงาน | คะแนนความยั่งยืน |
Global | 1503 | 20.3 | 19.8 | 28.1 | 23.5 | 30.7 | 25.6 | 50.1 | 23.8 | 24.3 |
China (Mainland) | 71 | 17.3 | 15.8 | 26.5 | 61.5 | 16.8 | 7.9 | 51.7 | 18.2 | 11.0 |
Japan | 49 | 22.4 | 26.6 | 44.0 | 12.6 | 15.1 | 10.4 | 34.2 | 15.9 | 21.2 |
India | 46 | 15.1 | 19.2 | 16.2 | 37.8 | 9.3 | 2.9 | 39.0 | 13.8 | 13.0 |
South Korea | 43 | 19.2 | 23.4 | 56.1 | 26.1 | 11.6 | 17.7 | 30.7 | 14.5 | 30.2 |
Malaysia | 28 | 23.1 | 29.2 | 37.3 | 12.9 | 34.6 | 46.3 | 43.4 | 9.7 | 19.7 |
Taiwan | 27 | 19.2 | 23.5 | 24.4 | 18.0 | 10.9 | 11.0 | 26.3 | 21.3 | 21.6 |
Indonesia | 26 | 16.8 | 24.8 | 23.1 | 1.5 | 26.9 | 2.8 | 15.5 | 16.0 | 9.2 |
Bangladesh | 15 | 10.2 | 18.1 | 6.8 | 4.3 | 2.9 | 1.3 | 17.6 | 11.2 | 2.0 |
Pakistan | 14 | 11.0 | 28.9 | 18.7 | 22.0 | 4.3 | 2.0 | 48.3 | 19.8 | 7.4 |
Thailand | 13 | 21.9 | 11.9 | 17.2 | 4.5 | 7.6 | 2.2 | 40.5 | 19.5 | 27.5 |
Hong Kong SAR | 7 | 60.3 | 35.4 | 61.5 | 78.0 | 99.8 | 96.1 | 56.7 | 53.6 | 66.0 |
Vietnam | 6 | 10.5 | 15.9 | 4.6 | 18.6 | 11.1 | 1.3 | 57.6 | 20.3 | 8.1 |
Philippines | 5 | 20.1 | 46.3 | 16.3 | 2.3 | 8.7 | 2.8 | 26.1 | 41.5 | 17.9 |
Singapore | 4 | 52.8 | 46.0 | 64.7 | 67.6 | 100.0 | 77.1 | 58.3 | 53.9 | 55.2 |
Sri Lanka | 3 | 9.4 | 13.3 | 6.3 | 2.8 | 1.1 | 1.2 | 18.7 | 30.5 | 7.7 |
Macau SAR | 2 | 8.2 | 7.0 | 6.9 | 77.8 | 100.0 | 100.0 | 41.6 | 39.9 | 9.5 |
Brunei | 2 | 17.8 | 7.6 | 90.7 | 9.9 | 100.0 | 26.2 | 25.7 | 35.6 | 7.1 |
ข้อสังเกตและข้อมูลเชิงลึกที่สำคัญ โดยมุ่งเน้นที่ผลงานระดับภูมิภาค:
ประเทศไทย: ผู้นำด้านความยั่งยืน
ประเทศไทยเป็นประเทศเดียวที่ทำคะแนนเฉลี่ยด้านความยั่งยืน (Sustainability) สูงกว่าค่าเฉลี่ยโลก สะท้อนให้เห็นว่ามหาวิทยาลัยไทยมีการนำแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืนมาใช้อย่างแข็งขัน นอกจากนี้ คะแนนเฉลี่ยสูงสุดของไทยยังอยู่ในประเภทเครือข่ายวิจัยระหว่างประเทศ (International Research Network) ซึ่งบ่งชี้ว่าความพยายามร่วมมือของมหาวิทยาลัยไทยกำลังส่งผลลัพธ์เชิงบวกและเริ่มสร้างผลกระทบที่สำคัญ
จีน (แผ่นดินใหญ่): ผู้นำด้านงานวิจัย
จีน (แผ่นดินใหญ่) มีความโดดเด่นในด้านการอ้างอิงผลงานทางวิชาการ (Citations Per Faculty) โดยมีคะแนนสูงที่สุด (61.5) ในบรรดาประเทศเอเชียที่มีมหาวิทยาลัยติดอันดับตั้งแต่ 10 อันดับขึ้นไป สิ่งนี้ชี้ให้เห็นถึงผลงานวิจัยที่แข็งแกร่งและอิทธิพลทางวิชาการที่สำคัญทั่วโลก นอกจากนี้ จีนยังมีคะแนนเครือข่ายการวิจัยระหว่างประเทศ (International Research Network) ที่น่าสังเกต (51.7) ซึ่งเน้นย้ำถึงความร่วมมือด้านการวิจัยระหว่างประเทศทั่วโลกอย่างกว้างขวาง
ญี่ปุ่น: โดดเด่นด้านวิชาการและนายจ้าง
ญี่ปุ่นมีความโดดเด่นในด้านชื่อเสียงทางวิชาการ (22.4) และชื่อเสียงจากภาคอุตสาหกรรม (26.6) สะท้อนถึงความนับถืออย่างสูงที่มีต่อมหาวิทยาลัยญี่ปุ่นในแวดวงวิชาการและวิชาชีพ อย่างไรก็ตาม ญี่ปุ่นยังตามหลังในด้านผลงานวิชาการต่ออาจารย์ (Citations Per Faculty) (12.6) ซึ่งชี้ให้เห็นถึงโอกาสในการปรับปรุงผลกระทบด้านงานวิจัย
อินเดีย: ประสิทธิภาพที่สมดุลพร้อมพื้นที่สำหรับการเติบโต
ทางด้านอินเดีย แสดงผลการดำเนินงานที่ค่อนข้างสมดุล แต่มีคะแนนในหลายด้านที่ค่อนข้างต่ำ โดยเฉพาะคะแนนการอ้างอิงผลงานทางวิชาการ (Citations Per Faculty) (37.8) ที่ค่อนข้างสูง ชี้ให้เห็นถึงผลงานวิจัยที่มีอิทธิพลมากขึ้นเรื่อยๆ อย่างไรก็ตาม อินเดียจำเป็นต้องยกระดับความร่วมมือระหว่างประเทศทั้งในด้านอัตราส่วนของอาจารย์ต่างชาติ (9.3) และอัตราส่วนนักศึกษานานาชาติ (2.9) เพื่อส่งเสริมการมีส่วนร่วมในเวทีโลก
เกาหลีใต้: อัตราส่วนคณาจารย์ต่อนักศึกษาสูงสุด
ในบรรดาประเทศที่มีมหาวิทยาลัยติดอันดับตั้งแต่ 10 อันดับขึ้นไป เกาหลีใต้ โดดเด่นในภูมิภาค โดยเป็นอันดับ 1 ในด้านอัตราส่วนคณาจารย์ต่อนักศึกษา (56.1) สิ่งนี้ชี้ให้เห็นถึงสภาพแวดล้อมการเรียนที่เอื้ออำนวย โดยมีคณาจารย์ต่อนักศึกษามากขึ้น ซึ่งอาจเป็นอีกสัญญาณของจำนวนประชากรที่ลดลง ประกอบกับคะแนนชื่อเสียงจากภาคอุตสาหกรรมที่แข็งแกร่ง (23.4) แสดงถึงโอกาสการการจ้างงานที่ยอดเยี่ยมสำหรับผู้สำเร็จการศึกษา
มาเลเซีย: ความเป็นเลิศในด้านความเป็นสากล
โดยทำคะแนนได้อย่างน่าประทับใจทั้งในด้าน สัดส่วนอาจารย์ต่างชาติ (International Faculty Ratio) โดยมีคะแนนที่น่าประทับใจทั้งในด้านอัตราส่วนคณาจารย์ต่างชาติ (34.6) และอัตราส่วนนักศึกษานานาชาติ (International Students Ratio) (46.3) สิ่งนี้ชี้ให้เห็นถึงความดึงดูดต่อนักวิชาการและนักศึกษานานาชาติ อย่างไรก็ตาม คะแนนผลลัพธ์ด้านการจ้างงาน (Employment Outcomes) (9.7) ชี้ให้เห็นถึงความจำเป็นในการจัดตำแหน่งที่ดีขึ้นระหว่างการศึกษาระดับอุดมศึกษาและตลาดงาน
แม้คะแนนโดยรวมของมาเลเซียจะสูงกว่าค่าเฉลี่ยโลกใน 5 ตัวชี้วัด แต่ก็ยังต่ำกว่าค่าเฉลี่ยโลกในอีก 4 ตัวชี้วัด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง มาเลเซียมีคะแนนต่ำกว่าค่าเฉลี่ยโลกในด้านการอ้างอิงต่อคณาจารย์ (Citations per Faculty) มากกว่า 10 คะแนน และต่ำกว่าเกือบ 7 คะแนนในด้านเครือข่ายวิจัยระหว่างประเทศ (International Research Network) ซึ่งบ่งบอกถึงโอกาสในการเติบโตด้านผลกระทบและความร่วมมือด้านงานวิจัย นอกจากนี้ คะแนนผลลัพธ์ด้านการจ้างงาน (Employment Outcomes) ยังต่ำกว่าค่าเฉลี่ยโลก 14 คะแนน ขณะที่คะแนนด้านความยั่งยืน (Sustainability) ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยโลก 4.6 คะแนน
ถึงแม้จะเผชิญกับความท้าทายเหล่านี้ แต่บางมหาวิทยาลัยในมาเลเซียก็ริเริ่มดำเนินการตามวาระด้านความยั่งยืนอย่างแข็งขัน ตัวอย่างที่ยอดเยี่ยมคือ โครงการ Purpose Learning with IMPACT Labs ของ Taylor’s University ซึ่งได้รับรางวัล QS Reimagine Education Awards 2023 ในประเภทความยั่งยืน นอกจากนี้ โครงการนี้ยังได้รับรางวัลชนะเลิศระดับโลก (Global Education Award) พร้อมเงินรางวัลมูลค่า 25,000 ดอลลาร์สหรัฐ เพื่อพัฒนาโปรแกรมที่มีประสิทธิภาพโดดเด่นนี้ต่อไป
อินโดนีเซีย: ประสิทธิภาพที่พัฒนาขึ้น
คะแนนที่โดดเด่นที่สุดของอินโดนีเซียคือ อัตราส่วนคณาจารย์ต่อพนักงาน (Faculty Staff Ratio) (26.1) แต่ยังมีช่องว่างในด้านการปรับปรุงอย่างมากในด้านการอ้างอิงผลงานทางวิชาการ (Citations Per Faculty) (1.5) และอัตราส่วนนักศึกษานานาชาติ (International Students Ratio) (2.8) ซึ่งด้านเหล่านี้ชี้ให้เห็นโอกาสในการยกระดับผลงานวิจัยและการมีส่วนร่วมในเวทีโลก ถึงกระนั้น อินโดนีเซียเป็นหนึ่งในประเทศที่พัฒนาขึ้นมากที่สุดในรอบนี้
เขตปกครองพิเศษฮ่องกง(Hong Kong SAR) : ผู้นำด้านความร่วมมือระหว่างประเทศ
ฮ่องกง มีคะแนนสูงในหลายตัวชี้วัด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อัตราส่วนคณาจารย์ต่างชาติ (99.8) อัตราส่วนนักศึกษานานาชาติ (96.1) และการอ้างอิงผลงานทางวิชาการ (78.0) สิ่งนี้สะท้อนถึงความมุ่งเน้นระหว่างประเทศและผลกระทบด้านวิจัยที่แข็งแกร่ง ทำให้ฮ่องกงเป็นศูนย์กลางการศึกษาที่โดดเด่น
สิงคโปร์: ยอดเยี่ยมในทุกตัวชี้วัด
แม้จะมีสถาบั/นที่ติดอันดับเพียงสี่แห่ง สิงคโปร์ก็ยังคงเป็นผู้นำในตัวชี้วัดสำคัญหลายประการ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สิงคโปร์มีคะแนนสูงสุดในด้านอัตราส่วนคณาจารย์ต่างชาติ (100.0) อัตราส่วนนักศึกษานานาชาติ (77.1) และการอ้างอิงผลงานทางวิชาการ (67.6) สิ่งนี้เน้นย้ำถึงความดึงดูดใจระดับโลกอันทรงพลังของสิงคโปร์และการมุ่งเน้นความเป็นเลิศด้านงานวิจัย นอกจากนี้ คะแนนที่สูงในด้านผลลัพธ์ด้านการจ้างงาน (53.9) และความยั่งยืน (55.2) สะท้อนให้เห็นถึงประสิทธิผลของนโยบายการศึกษาระดับอุดมศึกษาและการจ้างงานของผู้สำเร็จการศึกษา
สรุปภาพรวมทั่วโลก
- สหราชอาณาจักรมีมหาวิทยาลัยชั้นนำมากที่สุดในโลก ด้วย 3 ใน 5 อันดับแรก และโดดเด่นในอัตราส่วนนักศึกษานานาชาติ โดยได้คะแนนเฉลี่ยสูงเป็นอันดับสองรองจากซาอุดีอาระเบียเท่านั้น
- สหรัฐอเมริกายังคงรักษาชื่อเสียงระดับโลกตามการจัดอันดับของนายจ้างและนักวิชาการ
- ระบบการศึกษาระดับสูงของแคนาดาโดดเด่นด้านความยั่งยืน โดยมีมหาวิทยาลัย 2 แห่งติดอันดับ 5 ของโลก รวมถึงมหาวิทยาลัยโทรอนโต
- ออสเตรเลียเป็นผู้นำเครือข่ายวิจัยระหว่างประเทศในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ครอง 9 ใน 10 อันดับแรก และมีสถาบัน 3 แห่งติดอันดับ 20 อันดับแรก
- ใน 5 มหาวิทยาลัยชั้นนำ 100 อันดับแรกของจีน มี 4 แห่งที่ขยับอันดับขึ้น มหาวิทยาลัยปักกิ่งอยู่อันดับที่ 14 ซึ่งสูงที่สุด เพิ่มขึ้น 3 อันดับ
- อินเดียประสบความสำเร็จอย่างน่าทึ่ง โดยมหาวิทยาลัยที่ติดอันดับ 46 แห่งจากทั้งหมด 91% ขยับอันดับ คงที่ หรือเป็นสถาบันที่เพิ่งเข้าร่วมการจัดอันดับ
- อินโดนีเซีย ปากีสถาน และตุรกี เป็นประเทศที่พัฒนาขึ้นมากที่สุด
- ละตินอเมริกา มีมหาวิทยาลัย 4 แห่งติดอันดับ 100 อันดับแรก ได้แก่ Universidad de Buenos Aires, Pontificia Universidad Católica de Chile, Universidad Nacional Autónoma de México และ Universidade de São Paulo
- KFUPM (อันดับที่ 101) ในซาอุดีอาระเบีย เป็นสถาบันอาหรับที่ติดอันดับสูงสุด เกือจะติด 100 อันดับแรก ในขณะเดียวกัน University of Cape Town (อันดับที่ 171) เป็นผู้นำของแอฟริกา
วิธีการจัดอันดับ
รายละเอียดเกี่ยวกับวิธีการจัดอันดับสามารถดูได้ที่ QS World University Rankings 2025 methodology (topuniversities.com)
การจัดอันดับเต็มจะพร้อมเผยแพร่ในวันพุธที่ 5 มิถุนายน เวลา 03:00 น. ตามเวลาไทย และสามารถดูได้ที่ https://www.topuniversities.com/qs-world-university-rankings/2025
โลโก้ – https://mma.prnasia.com/media2/2429773/QS_Quacquarelli_Symonds_Logo.jpg?p=medium600