Walmart ครองอันดับ 1 ติดต่อกันเป็นปีที่ 11
สหรัฐฯ ชิงตำแหน่งผู้นำจากจีนโดยมีบริษัทติดอันดับมากที่สุดเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2561
นิวยอร์ก, 5 สิงหาคม 2567 /PRNewswire/ — Fortune เปิดเผยรายชื่อบริษัท Fortune Global 500(™) ประจำปี 2567 ซึ่งเป็นรายชื่อบริษัทที่ใหญ่ที่สุดในโลกโดยจัดอันดับตามรายได้สำหรับปีงบประมาณ 2566 โดย Walmart บริษัทผู้ค้าปลีกจากอาร์คันซอยังครองอันดับ 1 ติดต่อกันเป็นปีที่ 11 ตามมาด้วย Amazon (อันดับที่ 2), State Grid (อันดับที่ 3), Saudi Aramco (อันดับที่ 4) และ Sinopec (อันดับที่ 5)
การจัดอันดับบริษัทระดับโลกโดย Fortune แสดงให้เห็นว่า บริษัทจากสหรัฐฯ มีจำนวนมากที่สุด (139 แห่ง) เพิ่มขึ้นสามบริษัทจากปี 2566 ขึ้นแท่นผู้นำแซงหน้าบริษัทสัญชาติจีน (133 แห่ง ลดลง 9 แห่งจากปีที่ผ่านมา) เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2561 บริษัทสัญชาติจีนประกอบด้วยบริษัทที่มาจากจีนแผ่นดินใหญ่ ฮ่องกง มาเก๊า และไต้หวัน ขณะที่บริษัทสัญชาติจีนและสหรัฐฯ มีสัดส่วนรวมกันถึง 9 ใน 10 ของบริษัทที่ทำกำไรได้มากที่สุดในการจัดอันดับ Fortune Global 500
ภาคการเงินที่มีรายชื่อติดอันดับโลกประกอบด้วยธนาคาร (57 แห่ง) และบริษัทประกันภัย (40 แห่ง) ซึ่งเป็นสองหมวดหมู่แรกในอุตสาหกรรมทั้งหมดที่มีบริษัทที่ติดอันดับ Fortune Global 500 มากที่สุด ตามด้วยผู้ผลิตรถยนต์และชิ้นส่วนรถยนต์ (37 แห่ง) บริษัทกลั่นน้ำมันปิโตรเลียม (33) และธุรกิจโลหะ (23) โดยภาคการเงินขึ้นแท่นผู้นำแซงหน้าอุตสาหกรรมอื่นในสองตัวชี้วัดทางการเงินที่สำคัญ ประกอบด้วยรายได้ที่ 8.6 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ และผลกำไร 9.92 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ
ด้านบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ยังคงมีรายชื่อติดอันดับเช่นกัน ประกอบด้วย Apple (อันดับที่ 7), Alphabet (อันดับที่ 17), Microsoft (อันดับที่ 26) และ Meta Platforms (อันดับที่ 66) โดยมีรายได้สุทธิ 2.82 แสนล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นจากเดิมที่ 2.33 แสนล้านดอลลาร์ในปีที่ผ่านมา
รายชื่อ 10 อันดับแรกใน FORTUNE GLOBAL 500 ปี 2567:
- Walmart (สหรัฐอเมริกา)
- Amazon.com (สหรัฐอเมริกา)
- State Grid (จีน)
- Saudi Aramco (ซาอุดีอาระเบีย)
- Sinopec (จีน)
- China National Petroleum (จีน)
- Apple (สหรัฐอเมริกา)
- UnitedHealth Group (สหรัฐอเมริกา)
- Berkshire Hathaway (สหรัฐอเมริกา)
- CVS Health (สหรัฐอเมริกา)
บริษัทต่าง ๆ ที่ปรากฏในรายชื่อ Fortune Global 500 ประจำปี 2567 มีรายได้รวมสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 41 ล้านล้านดอลลาร์ (เพิ่มขึ้น 0.1%) และมีการจ้างงาน 70.5 ล้านคนทั่วโลก แม้ว่ารายได้จะทรงตัวในปี 2566 แต่ผลกำไรกลับก็เพิ่มขึ้น 2% หลังจากที่ลดลงในปี 2565 ทั้งนี้ Saudi Aramco (อันดับที่ 4) มีกำไรสุทธิ 1.21 แสนล้านดอลลาร์ และเป็นบริษัท Fortune Global 500 ที่ทำกำไรได้มากที่สุดเป็นปีที่สามติดต่อกัน
ด้านจำนวนซีอีโอหญิงของบริษัทที่ติดอันดับ Fortune Global 500 มีจำนวนลดลงเล็กน้อยเหลือ 28 ตำแหน่ง ลดลง 1 ตำแหน่งจากปีที่ผ่านมา ขณะที่ CVS Health เป็นบริษัทที่ใหญ่ที่สุดเมื่อพิจารณาจากรายได้ภายใต้การบริหารโดยผู้นำที่เป็นสตรี ได้แก่ซีอีโอ Karen Lynch ด้านสหรัฐอเมริกาเป็นที่ตั้งของบริษัทที่มีซีอีโอที่เป็นผู้หญิงจำนวน 15 แห่ง ตามด้วยฝรั่งเศส 4 แห่ง และบราซิล อังกฤษ และจีนอย่างละ 2 แห่ง
บริษัทที่ติดอันดับ Fortune Global 500 ตั้งอยู่ใน 238 เมือง และ 35 ประเทศ/ดินแดนทั่วโลก โดยเมือง 5 อันดับแรก ได้แก่ ปักกิ่ง โตเกียว นิวยอร์ก เซี่ยงไฮ้ และโซล ซึ่งเป็นฐานที่ตั้งของบริษัทที่ติดอันดับเกือบหนึ่งในสี่ ขณะที่ลอนดอนและปารีสต่างตามหลังอันดับที่ห้าเพียงบริษัทเดียว
บริษัท 13 แห่งมีรายชื่อติดอันดับ Fortune Global 500 เป็นครั้งแรก สะท้อนให้เห็นถึงความหลงใหลของโลกในด้าน AI และยาลดน้ำหนัก ประกอบด้วยผู้ผลิตชิป Nvidia (อันดับที่ 222) และบริษัทยา Novo Nordisk (อันดับที่ 469)
รายชื่อ Global 500 ฉบับสมบูรณ์จะปรากฏในนิตยสาร Fortune ฉบับเดือนสิงหาคม/กันยายน ซึ่งวางจำหน่ายแล้ววันนี้ที่นี่ และสามารถซื้อชุดข้อมูลทั้งหมดได้ที่นี่
"เป็นเวลาสามสิบห้าปีที่ Fortune ติดตามบริษัทที่ใหญ่ที่สุดในโลกในการจัดอันดับ Global 500 ของเรา และได้รับการพิสูจน์แล้วว่าเป็นมาตรวัดที่เชื่อถือได้สำหรับธุรกิจระดับโลก" Alyson Shontell หัวหน้าบรรณาธิการและหัวหน้าฝ่ายเนื้อหาของ Fortune กล่าว "รายชื่อในปีนี้แสดงให้เห็นถึงแนวโน้มที่มาบรรจบกัน นั่นคือราคาพลังงานที่ลดลงในขณะที่ AI กำลังได้รับความนิยมมากขึ้น คำถามสำคัญในตอนนี้คือ เรากำลังลงทุนในเทคโนโลยีใหม่ที่มีศักยภาพนี้มากแค่ไหนเมื่อเทียบกับผลที่จะเกิดขึ้น — และต้องใช้เวลานานเท่าใดกว่าจะเห็นผลลัพธ์เหล่านั้น"
"โลกธุรกิจทุกวันนี้มีความเป็นสากลอย่างแท้จริง และ Fortune Global 500 ก็เป็นแผนที่ที่ส่องสว่างสำหรับโลกใบนั้น" Anastasia Nyrkovskaya ซีอีโอของ Fortune กล่าว "เรารู้สึกตื่นเต้นที่ได้ร่วมแบ่งปันรายชื่อนี้สู่ผู้ชมจำนวนมากที่ไว้วางใจในความถูกต้องและความน่าเชื่อถือของการจัดอันดับนี้"
Scott DeCarlo รองประธานฝ่ายวิจัยของ Fortune กล่าวว่า "Global 500 คือสุดยอดดัชนีชี้วัดความสำเร็จทางธุรกิจ รายได้รวมของบริษัท Fortune Global 500 ในปี 2566 นั้นสูงถึง 41 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ผลรวมดังกล่าวคิดเป็นมากกว่าหนึ่งในสามของ GDP โลก— บ่งชี้ถึงอำนาจทางเศรษฐกิจที่กระจุกตัวอยู่ในบริษัทเหล่านี้"
บริษัทต่าง ๆ ได้รับการจัดอันดับใน Fortune Global 500 จากรายได้รวมสำหรับปีงบประมาณที่เกี่ยวข้องซึ่งสิ้นสุดในหรือก่อนวันที่ 31 มีนาคม 2567 บริษัททั้งหมดที่อยู่ในรายชื่อจะต้องเผยแพร่ข้อมูลทางการเงินและรายงานตัวเลขบางส่วนหรือทั้งหมดต่อหน่วยงานรัฐบาล ตัวเลขล่าสุดในการจัดอันดับเป็นไปตามที่บริษัทรายงาน ขณะที่การเปรียบเทียบใด ๆ นั้นเทียบเคียงกับตัวเลขในปีก่อนหน้าตามที่มีการรายงานไว้เดิม Fortune ไม่ได้มีการแก้ไขตัวเลขของปีก่อนหน้าหากมีการเปลี่ยนแปลงทางบัญชีภายหลัง
เกี่ยวกับ Fortune:
Fortune คือบริษัทสื่อหลายแพลตฟอร์มระดับโลกที่สั่งสมชื่อเสียงจากการรายงานและข้อมูลที่เชื่อถือได้และได้รับรางวัลสำหรับผู้ที่ต้องการทำให้ธุรกิจดีขึ้น Fortune เป็นเจ้าของโดยอิสระ บอกเล่าเรื่องราวของบริษัทที่ใหญ่ที่สุดของโลกและผู้นำของบริษัทต่าง ๆ รวมถึงนักนวัตกรรมรุ่นใหม่ที่กำลังขับเคลื่อนธุรกิจไปข้างหน้า Fortune วัดประสิทธิภาพองค์กรในภูมิภาคต่าง ๆ ทั่วโลกผ่านเกณฑ์มาตรฐานที่เข้มงวด ทั้งในรูปแบบดิจิทัลและสิ่งพิมพ์ และทำให้แน่ใจว่าบริษัทเหล่านั้นจะปฏิบัติตามมาตรฐานด้านประสิทธิภาพที่กำหนดไว้ การจัดอันดับที่โดดเด่นครอบคลุม Fortune 500, Fortune Global 500, Most Powerful Women และ World’s Most Admired Companies เราสร้างชุมชนระดับโลกด้วยการรวบรวมผู้นำทางความคิดในอุตสาหกรรมเพื่อจัดการประชุมสุดยอดและการประชุมพิเศษ ไม่ว่าจะเป็น Global Fortune Forum และ Brainstorm Tech สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดดูที่ fortune.com
สื่อมวลชนติดต่อ:
Patrick Reilly
Patrick.reilly@fortune.com
โลโก้ – https://mma.prnasia.com/media2/2167808/Fortune_Media_Logo.jpg?p=medium600