ปักกิ่ง, 25 ก.ค. 2567 /PRNewswire/
เดินเตร่ไปตามถนนในนครอู๋ซี (Wuxi) ในมณฑลเจียงซูทางตะวันออกของจีน แล้วจะได้พบกับรถมินิบัสไร้คนขับที่บรรทุกผู้โดยสารได้หกถึงแปดคน โดยไม่มีพวงมาลัยหรือคันเร่งให้เห็นเลย
ด้วยเซนเซอร์และกล้อง LiDAR (ตรวจจับแสงและรับรู้ระยะ) ที่ติดตั้งไว้ รถมินิบัสเหล่านี้สามารถสังเกตการไหลเวียนของคนและการจราจรโดยรอบได้ 360 องศา ตลอดจนสามารถหยุดที่ไฟแดงโดยอัตโนมัติ และระบุสภาพถนนข้างหน้าได้ล่วงหน้า
เบื้องหลังรถมินิบัสดังกล่าวนี้คือห่วงโซ่อุตสาหกรรมอินเทอร์เน็ตของสรรพสิ่ง (IoT) ครบวงจรของนครอู๋ซี ซึ่งประกอบด้วย ชิป เซนเซอร์ การเชื่อมต่อ แพลตฟอร์ม แอปพลิเคชัน และความมั่นคงปลอดภัย
นครอู๋ซีตั้งอยู่บนชายฝั่งของทะเลสาบไท่หู โดดเด่นเป็นอัญมณีทางเศรษฐกิจของสามเหลี่ยมปากแม่น้ำแยงซี นครแห่งนี้มีจีดีพีต่อหัวประชากรติดอันดับอยู่ในกลุ่มสูงที่สุดในจีน โดยเป็นฐานการผลิตที่กำลังเติบโต ซึ่งสนับสนุนด้วยการพัฒนานวัตกรรมเทคโนโลยี
‘กลจักรใหม่’
ในช่วงหลายปีมานี้ นครอู๋ซีได้เปิดพื้นที่ใหม่ ๆ สำหรับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยมุ่งเน้นการเสริมสร้างพลังการผลิตใหม่ ๆ ที่มีคุณภาพ
นครแห่งนี้บรรลุความก้าวหน้าครั้งสำคัญหลายประการในด้านอย่างเช่นเซนเซอร์อัจฉริยะ อินเทอร์เน็ตของยานพาหนะ และ IoT เชิงอุตสาหกรรม ในแง่ของขนาดตลาด อู๋ซีเป็นที่ตั้งของธุรกิจ IoT 3,000 กว่าแห่ง รวมถึงบริษัทจดทะเบียน 82 แห่ง
เมื่อวันที่ 1 เมษายน เขตเหลียงซี ซินอู๋ และปินหูของนครอู๋ซีได้เปิดเส้นทาง "โลจิสติกส์ระดับความสูงต่ำ" ทางคู่สำหรับโดรน เพื่อช่วยให้นครแห่งนี้กลายเป็นนครสาธิตการส่งของไร้คนขับแห่งแรกในสามเหลี่ยมปากแม่น้ำแยงซี
นอกจากนี้ นครอู๋ซียังได้นำเสนอสภาวการณ์การประยุกต์ใช้งานเศรษฐกิจระดับความสูงต่ำรวม 55 อย่างในเจ็ดหมวด นอกจากการส่งของไร้คนขับ ยังมีการประกาศสี่เส้นทางการท่องเที่ยว รวมถึงการชมดอกซากุระในอากาศ
ในขณะเดียวกัน นครแห่งนี้มีโดรนมากกว่า 500 ตัวสำหรับบริการสาธารณะ ซึ่งใช้สำหรับสภาวการณ์อย่างเช่นการตรวจตราการจราจร การกู้ภัยฉุกเฉิน และการตรวจสอบระบบไฟฟ้า
รัฐบาลท้องถิ่นระบุว่า อู๋ซีพยายามที่จะสร้างระบบการพัฒนา "5+X" สำหรับอุตสาหกรรมแห่งอนาคตอย่างเป็นระบบ โดยมีปัญญาประดิษฐ์ทั่วไป เทคโนโลยีควอนตัม เซมิคอนดักเตอร์รุ่นที่สาม พลังงานไฮโดรเจนและระบบกักเก็บพลังงาน ตลอดจนอุปกรณ์ใต้ทะเลลึก เป็นห้าด้านหลักสำหรับการพัฒนาเชิงอุตสาหกรรมสำหรับอนาคต
"พลังใหม่"
นครอู๋ซียังเป็นอัญมณีทางวัฒนธรรม โดยมีมรดกที่มีเรื่องราวและสิ่งสืบทอดเชิงศิลปะที่รุ่มรวย ซึ่งสอดประสานเข้ากับอารยธรรมสมัยใหม่อย่างลงตัว
เมืองหยางซาน ซึ่งได้ชื่อว่าเป็น "บ้านเกิดของฮันนี่พีช" เป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางที่ดีที่สุดของอู๋ซี ในแง่ของวิวธรรมชาติ มรดกทางวัฒนธรรม และความบันเทิง
ปัจจุบัน อุตสาหกรรมตตยิภูมิกำลังพัฒนาไปอย่างดีกว่าที่เคย ตั้งแต่บ้านไร่และโฮมสเตย์ ไปจนถึงศูนย์นิทรรศการและคาเฟ่ธีมพีช เมืองแห่งนี้ใช้ประโยชน์ของทรัพยากรธรรมชาติเป็นอย่างดี อีกทั้งยังส่งเสริมการบูรณาการเกษตรกรรม วัฒนธรรม และการท่องเที่ยว เพื่อขับเคลื่อนการฟื้นฟูชุบชีวิตชนบท
ในปี 2566 มูลค่าผลผลิตฮันนี่พีชของหยางซานสูงถึง 900 ล้านหยวน (ราว 124 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) และรายได้หลังหักภาษีต่อหัวของเกษตรกรในหยางซานแตะ 66,000 หยวน ขณะเดียวกัน เมืองแห่งนี้ยังดึงดูดนักท่องเที่ยวมากกว่า 2 ล้านคนในปี 2566 โดยมีรายได้จากการท่องเที่ยวสูงถึง 1.58 พันล้านหยวน
การพัฒนาทางเศรษฐกิจและสังคมของอู๋ซีไม่สามารถแยกขาดจากการสนับสนุนวัฒนธรรมอย่างแข็งแกร่ง
คลองใหญ่ (Grand Canal) ของจีน ซึ่งเป็นทางน้ำขนาดใหญ่ที่เชื่อมต่อตอนเหนือและตอนใต้ของจีน ได้รับการจัดเป็นแหล่งมรดกโลกโดยยูเนสโก (UNESCO World Heritage Site) ในปี 2557 คลองเก่าแก่ของอู๋ซี ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของคลองใหญ่ดังกล่าว มีความยาว 40 กว่ากิโลเมตร ทอดคดเคี้ยวผ่านพื้นที่เขตเมืองที่แผ่กว้างของนครอู๋ซี
ด้วยการให้ความสำคัญกับการอนุรักษ์ การส่งต่อมรดก และการใช้ประโยชน์จากมรดกทางวัฒนธรรมของคลองใหญ่ อู๋ซีเดินหน้าส่งเสริมการคัดแยก การคุ้มครอง การบูรณะปฏิสังขรณ์ และการพัฒนามรดกทางวัฒนธรรม
สวนสาธารณะเชิงสร้างสรรค์หลายแห่งที่สร้างขึ้นริมคลองดังกล่าวนี้เกิดขึ้นจากมรดกทางอุตสาหกรรม หลังจากการฟื้นฟูชุบชีวิต สวนสาธารณะเหล่านี้ได้รับการแปลงโฉมเป็นแหล่งท่องเที่ยงเชิงวัฒนธรรมและสร้างสรรค์โดยมีคุณลักษณะที่โดดเด่น แสดงถึงภาพลักษณ์ใหม่ของนครแห่งนี้ในการเป็นนครที่รุ่มรวยทางวัฒนธรรม
ภายในปี 2570 นครอู๋ซีคาดว่าจะสร้างนิคมที่มีลักษณะเฉพาะไม่น้อยกว่า 15 แห่งสำหรับอุตสาหกรรมในอนาคต พัฒนาแพลตฟอร์มนวัตกรรมแปดแห่ง อย่างเช่นศูนย์นวัตกรรมเทคโนโลยีและศูนย์วิจัยทางวิศวกรรมสำหรับอุตสาหกรรมแห่งอนาคต ตลอดจนพัฒนาองค์กรธุรกิจชั้นนำ 10 แห่งในด้านเหล่านี้