• ผนึกความร่วมมือเพื่อเร่งการวิจัยต่อยอดในด้านต่าง ๆ ทั้งอุตสาหกรรมการผลิตแบบเติมเนื้อวัสดุ หุ่นยนต์ ระบบอัตโนมัติ และการตรวจสอบผลิตภัณฑ์อัจฉริยะ
สิงคโปร์, 12 ม.ค. 2567 /พีอาร์นิวส์ไวร์/ — แชฟฟ์เลอร์ (Schaeffler) The Motion Technology Company (บริษัทผู้พัฒนาเทคโนโลยีการขับเคลื่อน) ประกาศร่วมเป็นส่วนหนึ่งในศูนย์เทคโนโลยีและการประกอบใหม่ขั้นสูง (Advanced Remanufacturing and Technology Centre หรือ ARTC) ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยในสังกัดหน่วยงานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และการวิจัยสิงคโปร์ (A*STAR) ในฐานะสมาชิกระดับเทียร์ 1 (Tier 1) เพื่อเร่งการวิจัยต่อยอดในภาคการผลิตขั้นสูง
From left to right: Andreas Schick, Chief Operating Officer, Schaeffler AG, and Dr David Low, Chief Executive Officer, ARTC, A*STAR signed the membership agreement which will see the Schaeffler joining as a Tier 1 member of ARTC’s industry consortium to accelerate translational research for advanced manufacturing.
ความร่วมมือระหว่างแชฟฟ์เลอร์กับ A*STAR คาดว่าจะเข้ามาเร่งการนำเทคโนโลยีการผลิตขั้นสูงและแนวคิดการผลิตแบบใหม่ ๆ มาใช้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอุตสาหกรรมการผลิตแบบเติมเนื้อวัสดุและหุ่นยนต์ที่ไซต์การผลิตของแชฟฟ์เลอร์ทั่วโลก โดยได้จัดพิธีลงนามขึ้นที่ A*STAR ARTC ในสิงคโปร์ ซึ่งข้อตกลงในการเป็นสมาชิกนั้นลงนามโดยคุณแอนเดรียส ชิค (Andreas Schick) ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของแชฟฟ์เลอร์ เอจี (Schaeffler AG) และดร.เดวิด โลว์ (David Low) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารศูนย์ ARTC ในสังกัด A*STAR
คุณแอนเดรียส ชิค กล่าวว่า "เรารู้สึกตื่นเต้นในการร่วมงานกับศูนย์ ARTC ในสังกัด A*STAR เพื่อเพิ่มขีดความสามารถและกระบวนการผลิตขั้นสูงของเรา แชฟฟ์เลอร์มีศักยภาพอันเป็นเลิศในด้านการพัฒนาอุตสาหกรรม ทั้งยังสั่งสมความรู้ความชำนาญด้านเทคโนโลยีการผลิตมานานหลายทศวรรษ ความร่วมมือครั้งนี้มอบโอกาสพิเศษเพื่อเร่งสร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ ในกระบวนการผลิตและไซต์งานของเรา พร้อมผลักดันให้เราก้าวไปข้างหน้า เพื่อกำหนดทิศทางการดำเนินงานในระดับต่อไป"
คุณเคลาส์ มุลเลอร์ (Klaus Mueller) ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการประจำภูมิภาคเอเชีย/แปซิฟิก แชฟฟ์เลอร์ เอจี กล่าวว่า "ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกนั้นมีแง่มุมหลากหลายมิติ มอบแพลตฟอร์มที่มีเอกลักษณ์เพื่อใช้คิดค้นนวัตกรรมใหม่ ๆ โดยประเทศที่ได้รับการยกย่องจากทั่วโลกในเรื่องศักยภาพในการวิจัยและพัฒนาอย่างสิงคโปร์ ก็เหมาะที่จะเป็นแหล่งรวมความเป็นเลิศทางเทคโนโลยี การที่เราเป็นสมาชิกศูนย์ ARTC ของ A*STAR ตอกย้ำความมุ่งมั่นของเรา ในการนำขีดความสามารถด้านการวิจัยและพัฒนารวมถึงความเป็นเลิศทางเทคโนโลยีของสิงคโปร์ มาขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงดี ๆ ในภาคการผลิตขั้นสูง เมื่อรวมพลังกันแล้ว เราก็หวังที่จะเข้ามาสร้างอนาคตของการผลิตขั้นสูงไปด้วยกัน"
ศูนย์ ARTC ของ A*STAR เป็นแพลตฟอร์มร่วมสมัย สร้างขึ้นจากความร่วมมืออันแข็งแกร่งระหว่างภาครัฐกับเอกชน เพื่อนำการวิจัยไปต่อยอดและใช้งานในภาคอุตสาหกรรม ศูนย์แห่งนี้นำโดย A*STAR ด้วยความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีนันยาง ประเทศสิงคโปร์ (NTU Singapore) ARTC มีสมาชิกภาคอุตสาหกรรมกว่า 90 ราย โดยนำภาคอุตสาหกรรม ภาครัฐ และภาควิชาการมารวมตัวกัน เพื่อลดช่องว่างทางเทคโนโลยีในการนำกระบวนการผลิตขั้นสูงและกระบวนการประกอบซ้ำมาใช้
ดร.เดวิด โลว์ ซีอีโอศูนย์ ARTC ในสังกัด A*STAR กล่าวว่า "ความร่วมมือระหว่าง ARTC ในสังกัด A*STAR กับแชฟฟ์เลอร์ จะเข้ามาสร้างขีดความสามารถในการผลิตแบบเติมเนื้อวัสดุ หุ่นยนต์ และการตรวจสอบด้วยภาพ เพื่อยกระดับเทคโนโลยีการผลิตขั้นสูงที่ปัจจุบันใช้อยู่ในโรงงานผลิตของแชฟฟ์เลอร์ ความเชี่ยวชาญของแชฟฟ์เลอร์ในด้านวิศวกรรมที่มีความแม่นยำสูงจะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับกลุ่มอุตสาหกรรม ARTC ของเรา เปิดโอกาสให้ ARTC และทั้งเครือข่ายร่วมคิดค้นและรับมือกับปัญหาท้าทายต่าง ๆ ในแวดวงการผลิตได้"
แชฟฟ์เลอร์และ ARTC จะร่วมกันขับเคลื่อนโครงการสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ ๆ ในภาคการผลิตแบบเติมเนื้อวัสดุและหุ่นยนต์ พร้อมพัฒนาแนวคิดและเทคโนโลยีการผลิตใหม่ ๆ ต่อไป
ความร่วมมือนี้มุ่งแก้ปัญหาความท้าทายในอุตสาหกรรมการผลิตแบบเติมเนื้อวัสดุ ระบบอัตโนมัติและหุ่นยนต์ ไปจนถึงการตรวจสอบผลิตภัณฑ์อัจฉริยะ
รูปภาพ: แชฟฟ์เลอร์
แชฟฟ์เลอร์ กรุ๊ป We pioneer motion
แชฟฟ์เลอร์ กรุ๊ป (Schaeffler Group) ได้เข้ามาขับเคลื่อนสิ่งประดิษฐ์และความก้าวหน้าที่มีความก้าวล้ำในแวดวงเทคโนโลยีการเคลื่อนไหวมานานกว่า 75 ปีแล้ว แชฟฟ์เลอร์เพียบพร้อมทั้งเทคโนโลยี ผลิตภัณฑ์ และบริการล้ำสมัย ครอบคลุมระบบการขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า ชุดขับที่ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์น้อยกว่า โซลูชันแชสซี อุตสาหกรรม 4.0 เทคโนโลยีดิจิทัล และพลังงานหมุนเวียน ทำให้แชฟฟ์เลอร์เป็นพันธมิตรที่เชื่อถือได้ในการทำให้การเคลื่อนไหวมีประสิทธิภาพ ชาญฉลาด และยั่งยืนมากขึ้นตลอดทั้งวงจรชีวิต โดยบริษัทผู้พัฒนาเทคโนโลยีการเคลื่อนไหวรายนี้ผลิตส่วนประกอบและระบบที่มีความแม่นยำสูง รองรับการใช้งานระบบขับเคลื่อนและแชสซี รวมถึงโซลูชันตลับลูกปืนแบบกลิ้งและธรรมดาเพื่อนำไปใช้ในอุตสาหกรรมในรูปแบบต่าง ๆ ทั้งนี้ แชฟฟ์เลอร์ กรุ๊ป ทำยอดขายได้ถึง 1.58 หมื่นล้านยูโรในปี 2565 มีพนักงานประมาณ 84,000 คน ทำให้แชฟฟ์เลอร์ กรุ๊ป เป็นบริษัทครอบครัวที่ใหญ่เป็นอันดับต้น ๆ ของโลก แชฟฟ์เลอร์ยื่นจดสิทธิบัตรมากกว่า 1,250 ฉบับในปี 2565 ทำให้เป็นบริษัทที่มีนวัตกรรมมากที่สุดเป็นอันดับสี่ของเยอรมนี ตามข้อมูลของสำนักงานสิทธิบัตรและเครื่องหมายการค้าเยอรมนี (DPMA)