ปุนตาคานา, สาธารณรัฐโดมินิกัน, 25 พฤษภาคม 2567 /พีอาร์นิวส์ไวร์/ — สัปดาห์ที่แล้ว ในงานเปิดตัวอย่างเป็นทางการที่ปุนตาคานา ซึ่งมีรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและเอกอัครราชทูตอินโดนีเซียเข้าร่วมงาน อาร์คิเพลาโก อินเตอร์เนชั่นแนล (Archipelago International) ได้เปิดสำนักงานใหญ่อย่างเป็นทางการแห่งแรกในสาธารณรัฐโดมินิกัน และประกาศการลงนามข้อตกลงบริหารจัดการหลายโครงการในสาธารณรัฐโดมินิกันและเม็กซิโก
อาร์คิเพลาโก อินเตอร์เนชั่นแนล ซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่อินโดนีเซีย และเป็นกลุ่มบริหารโรงแรมเอกชนที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้ประกาศรายละเอียดการขยายธุรกิจในภูมิภาคและการเปิดตัวแบรนด์ บริการด้านการบริหารจัดการ และบริษัทพัฒนาเทคโนโลยีการบริการ Sentinel Tech ในงานเปิดสำนักงานใหม่ในสาธารณรัฐโดมินิกัน นอกจากตัวแทนระดับสูงจากรัฐบาลอินโดนีเซียและสาธารณรัฐโดมินิกัน ยังมีนักพัฒนาและนักลงทุนชั้นนำจากภาคธุรกิจท่องเที่ยวและการเดินทางเข้าร่วมงานเปิดตัวครั้งนี้ด้วย
คุณ Gerard Byrne กรรมการผู้จัดการ กล่าวแทนคณะกรรมการบริหารของอาร์คิเพลาโก อินเตอร์เนชั่นแนล โดยสรุปประวัติการดำเนินงานยาวนาน 27 ปีของบริษัท จากจุดเริ่มต้นเล็ก ๆ ที่จาการ์ตา อินโดนีเซีย จนถึงสถานะปัจจุบันที่บริหารจัดการโรงแรมในเครือมากกว่า 270 แห่ง (45,000 ห้อง) และมีแผนที่จะพัฒนาโรงแรมอีกกว่า 80 แห่ง (16,000 ห้อง) ใน 15 ประเทศและ 5 ทวีป เขาอธิบายว่าเหตุผลหลักของความสำเร็จในประเทศและการเติบโตของกิจการในต่างประเทศของบริษัทเกิดจากการมุ่งเน้นที่การสร้างประสบการณ์ที่ไร้รอยต่อให้กับลูกค้าตั้งแต่การจองจนถึงการรีวิว มาตรฐานการบริการแบบเอเชียในระดับสูง ปรัชญาไคเซ็น (การปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง) และการลงทุนระยะยาวในโซลูชันด้านเทคโนโลยี สำหรับเรื่องราวความสำเร็จของยุทธศาสตร์ขยายการเติบโตในต่างประเทศของบริษัทนั้น เขากล่าวว่า "เราเสนอทางเลือกแบรนด์และการดำเนินงานที่พิสูจน์แล้วให้กับเจ้าของกิจการ นักพัฒนา และนักลงทุน ด้วยราคาที่ต่ำกว่าแบรนด์ระดับโลกอื่น ๆ เราได้พัฒนาโซลูชันเทคโนโลยีที่สร้างขึ้นโดยผู้บริหารโรงแรมสำหรับผู้บริหารโรงแรม มาตรฐานการบริการแบบเอเชียที่มีชื่อเสียง โซลูชันเทคโนโลยีชั้นนำ และความยืดหยุ่นในฐานะบริษัทอิสระทำให้เราแตกต่างจากคู่แข่ง นอกจากนี้ เรายังได้เปลี่ยนแปลงแนวคิดเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเจ้าของและผู้ดำเนินงาน โดยสร้างโมเดลการดำเนินงานเป็นพันธมิตรแบบใหม่ ที่ให้ผลตอบแทนแก่เจ้าของกิจการในรูปแบบที่ยุติธรรมกว่าโครงสร้างค่าธรรมเนียมอัตราเลขสองหลักแบบเดิมที่ใช้กันในอดีต"
หลังจากนั้น คุณ Jose Luis Leonardo รองประธานภูมิภาคอเมริกาของอาร์คิเพลาโก อินเตอร์เนชั่นแนล ได้กล่าวถึงรายละเอียดการดำเนินงานในอเมริกาปัจจุบัน "ตั้งแต่เปิดรีสอร์ทแห่งแรกในภูมิภาคในปี 2562 นั่นคือ Grand Aston Cayo Las Brujas Beach Resort & Spa ในคิวบา เราก็เติบโตขึ้นจนดำเนินงานโรงแรมห้าแห่ง (3,242 ห้อง) ในปัจจุบัน และทุกแห่งอยู่ในตำแหน่งอันดับหนึ่งของจุดหมายปลายทางตามโรงแรมแต่ละแห่ง ใน 12 เดือนข้างหน้า เราจะเปิดโรงแรมหนึ่งแห่งในคิวบา โรงแรมและคอนโดเทลสี่แห่งในสาธารณรัฐโดมินิกัน และสองแห่งในเม็กซิโก ซึ่งประกอบด้วย Aston Panorama Hotel ในฮาวานา (320 ห้อง), Reserva Real by Harper ปุนตาคานา (187 ห้อง) Aston Rubí City Suites ซานโตโดมิงโก (179 ห้อง) Grand Aston Punta Cana Beach Resort & Spa (170 ห้อง) Aston Bocettos City Suites ซานโตโดมิงโก (126 ห้อง) Aston Puebla Hotel ปูเอบลา (105 ห้อง) และ IIk Tulum by Aston ตูลุม (104 ห้อง)"
ด้านการลงนามข้อตกลงใหม่ครั้งสำคัญสำหรับสาธารณรัฐโดมินิกัน คุณ Leonardo ประกาศว่า ประกอบด้วย Grand Aston Larimar City Golf Hotel & Residences ในปุนตาคานา (228 ห้อง) Grand Aston Cáicu Coral Golf Hotel & Residences ปุนตาคานา (669 ห้อง) Riviera Bay by Aston คานา เบย์ (110 ห้อง) Harbor Bay by Aston แคป คานา (186 rooms) Juanillo Hills by Aston แคป คานา (60 ห้อง) Aston Piantini Boutique Hotel ซานโตโดมิงโก (144 ห้อง) Aston Towers Larimar City ปุนตาคานา (432 ห้อง) Paradise Tower by Harper ปุนตาคานา (144 ห้อง) Harper Paradise Punta Cana (135 ห้อง) Aston Arts Hotel & Residences ปุนตาคานา (368 ห้อง) และ The Alana Experience Punta Cana (530 ห้อง)
การลงนามข้อตกลงใหม่ในเม็กซิโก ประกอบด้วย Grand Aston Tulum (153 ห้อง) Aston Naomi Boutique Hotel & Residences ในพลายาเดลคาร์เมน (246 ห้อง) Zonna Beach Resort & Residences พลายาเดลคาร์เมน (257 ห้อง) และ The Alana Hotel & Residences พลายาเดลคาร์เมน (376 ห้อง) เขายังกล่าวเสริมว่า "ลูกค้าของเราในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ถือว่าโรงแรม Aston เป็น ‘โรงแรมที่เชื่อถือได้‘ มาอย่างยาวนาน และเรายินดีที่เจ้าของกิจการ นักลงทุน และนักพัฒนาในลาตินอเมริกาไม่เพียงแต่ตื่นเต้นที่ Aston จะมาทำธุรกิจในสาธารณรัฐโดมินิกันและเม็กซิโก แต่เป็นเพราะเราได้นำแบรนด์ใหม่ เทคโนโลยี และโมเดลธุรกิจใหม่ ๆ สำหรับโรงแรม รีสอร์ท คอนโดเทล และที่พักอาศัยหรูภายใต้แบรนด์ที่มีชื่อ (Branded Residences) ของพวกเขาเข้ามาใช้ในทุกส่วนตลาดด้วย รัฐบาลสาธารณรัฐโดมินิกันได้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการส่งเสริมให้เกิดบรรยากาศทางธุรกิจและเศรษฐกิจที่เอื้อต่อการเติบโตในภาคธุรกิจท่องเที่ยวและการเดินทาง ความมุ่งมั่นนี้มีผลอย่างมากต่อการตัดสินใจของเราที่จะตั้งสำนักงานประจำภูมิภาคแห่งที่สองของเราในปุนตาคานา นอกจากนี้ เพื่อเพิ่มความสามารถในการดำเนินงานของเรา เรายังวางแผนที่จะเปิดสำนักงานใหม่ในซานโตโดมิงโกและพลายาเดลคาร์เมนด้วย"
เกี่ยวกับอาร์คิเพลาโก อินเตอร์เนชั่นแนล
อาร์คิเพลาโก อินเตอร์เนชั่นแนล (Archipelago International) เป็นกลุ่มบริหารจัดการโรงแรมเอกชนที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมีห้องพักกว่า 45,000 ห้องในโรงแรมกว่า 200 แห่งทั่วภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โอเชียเนีย ตะวันออกกลาง แอฟริกา แคริบเบียน และลาตินอเมริกา บริษัทมีพอร์ตการลงทุนที่ขยายตัวอย่างรวดเร็วในภูมิภาคอเมริกา ด้วยโรงแรมและรีสอร์ท 5 แห่งที่ดำเนินการอยู่ (3,242 ห้อง) และแผนการพัฒนาอีกกว่า 9,500 ห้องในกว่า 30 โครงการที่กำลังจะสร้าง บริษัทมอบโซลูชันเทคโนโลยีขั้นสูงและบริการสำหรับโรงแรม รีสอร์ท และที่พักอาศัยหรูระดับแบรนด์ที่มีชื่อ ผ่านทางแบรนด์ที่ได้รับรางวัล 12 แบรนด์ ได้แก่ Aston, Aston Collection Hotels, Huxley, Alana, Avanika, favehotel, Harper, Quest, Hotel Neo, Kamuela, Nordic และ Powered by Archipelago โดยแบรนด์เหล่านี้ถูกวางตำแหน่งในส่วนตลาดที่แตกต่างกันออกไป ตั้งแต่โรงแรมราคาประหยัดจนถึงโรงแรมหรู รีสอร์ท และที่พักอาศัยหรูภายใต้แบรนด์ที่มีชื่อเสียง (Branded Residences)
การมุ่งเน้นในด้านเทคโนโลยีและระบบ ความยืดหยุ่นและความคล่องตัวในฐานะบริษัทอิสระ รวมทั้งการมีหลากหลายแบรนด์โรงแรม เป็นปัจจัยสำคัญของความสำเร็จและการขยายเติบโตของบริษัทในอุตสาหกรรมโรงแรม