บาร์เซโลนา, สเปน, 26 ก.พ. 2567 /พีอาร์นิวส์ไวร์/ — ในวันนี้ หัวเว่ย (Huawei) เป็นเจ้าภาพการประชุมสุดยอด 5G บียอนด์ โกรว์ท (5G Beyond Growth Summit) ที่งานโมบายล์ เวิลด์ คองเกรส บาร์เซโลนา ประจำปี 2567 (MWC Barcelona 2024) ในการประชุมสุดยอดครั้งนี้ คุณหลี่ เผิง (Li Peng) รองประธานอาวุโสขององค์กร และประธานฝ่ายขายและบริการไอซีทีของหัวเว่ย ได้พูดคุยถึงวิธีที่ผู้ให้บริการโทรคมนาคมสามารถบรรลุความสำเร็จทางธุรกิจด้าน 5G และวิธีที่ 5.5G จะปลดล็อกศักยภาพของเครือข่ายและสร้างโอกาสการเติบโตใหม่ ๆ ต่อไปได้อย่างไร
"5G อยู่บนเส้นทางที่ถูกต้องสู่ความสำเร็จทางธุรกิจ" คุณหลี่กล่าว 5G เริ่มใช้ในเชิงพาณิชย์เมื่อปี 2562 และในช่วงห้าปีที่ผ่านมา มีผู้ใช้ 5G ทั่วโลกถึง 1.5 พันล้านคน เทียบกับ 4G ที่ใช้เวลาถึงเก้าปีในการทำให้สิ่งนี้เกิดขึ้น ปัจจุบัน 20% ของผู้ใช้บริการมือถือทั่วโลกใช้ 5G โดยผู้ใช้เหล่านี้คิดเป็น 30% ของการเข้าใช้งานบนมือถือทั้งหมด และก่อให้เกิดรายได้จากบริการมือถือ 40%
คุณหลี่อธิบายว่า "5.5G จะเข้าสู่การใช้งานเชิงพาณิชย์ในปี 2567 ขณะที่ 5.5G, เอไอ (AI) และคลาวด์ได้มารวมตัวกัน ผู้ให้บริการสามารถปลดล็อกศักยภาพของการใช้งานและความสามารถใหม่ ๆ ได้"
เขากล่าวต่อว่า ผู้ให้บริการโทรคมนาคมทั่วโลกควรมุ่งเน้นไปที่การมีเครือข่ายคุณภาพสูง การสร้างรายได้หลายมิติ บริการที่เกิดขึ้นใหม่ และเจเนอเรทีฟเอไอเพื่อคว้าโอกาสทางธุรกิจเหล่านี้
เครือข่ายคุณภาพสูงยังคงเป็นรากฐานของความสำเร็จทางธุรกิจ
ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าผู้ใช้มือถือเต็มใจที่จะซื้อการอัปเกรดประสบการณ์สำหรับแพ็กเกจมือถือ หากเครือข่ายที่พวกเขาใช้มีคุณภาพสูงเพียงพอ ดังนั้นจึงคาดว่าปริมาณการรับส่งข้อมูลโดยผู้ใช้เหล่านี้จะเพิ่มขึ้นอย่างมาก ช่วยให้ผู้ให้บริการสามารถเพิ่มมูลค่าการรับส่งข้อมูลได้สูงสุด สิ่งนี้ส่งผลให้ผู้ให้บริการจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ กำหนดเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ที่รวมถึงการสร้างเครือข่าย 5G คุณภาพสูง
ตัวอย่างเช่น ผู้ให้บริการบางรายในตะวันออกกลางได้ปรับมาใช้เครือข่ายแมสซีฟเอ็มไอเอ็มโอ (Massive MIMO) แล้ว และประสบการณ์ที่ดีที่สุดที่มอบให้โดยเครือข่ายเหล่านี้ทำให้การเปิดตัวบริการบรอดแบนด์ไร้สาย 5G FWA ประสบความสำเร็จ ปัจจุบัน 5G FWA ได้เชื่อมต่อกับครัวเรือนเกือบ 3 ล้านครัวเรือน ทำให้กลายเป็นตัวขับเคลื่อนที่ทรงพลังในการเติบโตของรายได้สำหรับผู้ให้บริการโทรคมนาคม
การสร้างรายได้หลายมิติช่วยเพิ่มมูลค่าของแต่ละบิตให้สูงสุด
ผู้ให้บริการ 5G ทั่วโลกมากกว่า 20% ใช้โมเดลการกำหนดราคาแบบแบ่งระดับความเร็ว ตัวอย่างเช่น ผู้ให้บริการรายหนึ่งในประเทศไทยเพิ่งเปิดตัวโปรแกรมเสริม 5G Boost Mode ซึ่งช่วยให้ลูกค้าสามารถเลือกระดับความเร็วที่แตกต่างกันเพื่อตอบสนองความต้องการการใช้งานของตนได้ดีที่สุด โมเดลนี้ได้ช่วยให้ผู้ให้บริการเพิ่มรายได้เฉลี่ยต่อผู้ใช้ (ARPU) ได้ประมาณ 23% ผู้ให้บริการอีกรายของจีนได้เปิดตัวแพ็กเกจอัปลิงก์ที่ให้การรับประกันเพื่อให้ไลฟ์สตรีมเมอร์ได้รับประสบการณ์การสตรีมสดที่มีความคมชัดสูงและต่อเนื่อง แพ็กเกจดังกล่าวได้รับความนิยมอย่างมากและช่วยให้ผู้ให้บริการเพิ่มรายได้เฉลี่ยต่อผู้ใช้ได้มากกว่า 70%
บริการใหม่ช่วยให้เกิดการเติบโตที่ยั่งยืนในระยะยาว
บริการใหม่ ๆ อาทิ นิวคอลลิง (New Calling) ระบบโทรศัพท์บนคลาวด์ และระบบสามมิติ (3D) แบบไม่ต้องสวมแว่น กำลังได้รับความสนใจจากผู้บริโภคมากขึ้นเรื่อย ๆ ตัวอย่างฟังก์ชั่นที่มีมูลค่าเพิ่มของนิวคอลลิงอย่างอวตารเสมือนจริงก็กำลังได้รับความนิยมอย่างมาก ผู้ใช้งานยังยินดีจ่ายเงินเพิ่มสำหรับบริการที่มอบประสบการณ์แบบเรียลไทม์ เช่น การเคลมประกันรถยนต์แบบครบวงจร
นอกจากนี้ 5G ยังถูกนำมาใช้ในหลายอุตสาหกรรมอีกด้วย ในประเทศจีน การใช้งานเครือข่าย 5G ส่วนตัวมากกว่า 50,000 ราย ได้เข้าสู่การใช้งานเชิงพาณิชย์ในกว่า 50 อุตสาหกรรม ศักยภาพใหม่ของ 5.5G รวมถึงเทคโนโลยี deterministic latency การกำหนดตำแหน่งที่แม่นยำ และ IoT แบบพาสซีฟ คาดว่าจะสร้างโอกาสให้กับผู้ให้บริการในตลาด B2B มากยิ่งขึ้น
เจเนอเรทีฟเอไอจะขับเคลื่อนอุตสาหกรรมมือถือให้เข้าสู่ยุคแห่งความเป็นอัจฉริยะทั้งหมด
จากข้อมูลของไอดีซี (IDC) การจัดส่งโทรศัพท์มือถือเอไอทั่วโลกจะสูงถึง 170 ล้านเครื่องในปี 2567 ซึ่งคิดเป็น 15% ของการจัดส่งสมาร์ทโฟนทั้งหมด โทรศัพท์เอไอรุ่นต่อไปจะมีความสามารถในการจัดเก็บข้อมูล การแสดงผล และการถ่ายภาพที่ทรงพลังยิ่งขึ้น แอปพลิเคชันที่เนื้อหาสร้างโดยปัญญาประดิษฐ์ (AIGC) ซึ่งขับเคลื่อนโดยโทรศัพท์เหล่านี้จะสร้างข้อมูลนับแสนล้านกิกะไบต์ (GB) และสร้างโอกาสใหม่ ๆ ให้แก่ผู้ให้บริการ
คุณหลี่ปิดท้ายการพูดที่การประชุมสุดยอดโดยให้สัญญาว่า "เราจะปลดล็อกศักยภาพของ 5G และ 5.5G ร่วมกับผู้ให้บริการโทรคมนาคม และขับเคลื่อนการเติบโตครั้งใหม่ที่น่าเหลือเชื่อไปด้วยกัน"