อัลอูลา, ซาอุดีอาระเบีย, 1 กุมภาพันธ์ 2567 /PRNewswire/ — ราชกรรมาธิการอัลอูลา (The Royal Commission for AlUla หรือ RCU) ซึ่งเป็นผู้พิทักษ์วัฒนธรรมแห่งภาคตะวันตกเฉียงเหนือของซาอุดีอาระเบีย ได้เปิดตัวแคมเปญอนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรมในรูปแบบใหม่ที่มีความครบถ้วนสมบูรณ์ โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อส่งเสริมให้สาธารณชนมีความรู้ความเข้าใจ ความตระหนักรู้ และความปรารถนาที่จะปกปักรักษาและเชิดชูประวัติศาสตร์อันเก่าแก่ของเมืองอัลอูลา
แคมเปญ I Care ซึ่งเปิดตัวในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ได้ตอกย้ำความสำคัญทั้งในระดับท้องถิ่น ระดับชาติ และระดับโลก ของโครงการอนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรมหลากหลายโครงการที่ราชกรรมาธิการอัลอูลากำลังดำเนินงานอยู่ในเมืองอัลอูลา ซึ่งได้รับการพัฒนาให้เป็นพิพิธภัณฑ์มีชีวิตที่ใหญ่ที่สุดในโลก
แคมเปญ I Care จะส่งเสริมให้ประชาชนตระหนักถึงความจำเป็นในการปกปักรักษามรดกทางวัฒนธรรมที่หลากหลายของเมืองอัลอูลา ซึ่งรวมถึงอนุสรณ์ตามธรรมชาติและที่มนุษย์สร้างขึ้น เพื่อสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจ สร้างการมีส่วนร่วมของคนในชุมชน ตลอดจนขยายองค์ความรู้ของคนในชุมชนและก่อให้เกิดความรู้สึกชื่นชมอดีตอันรุ่งเรืองของเมืองอัลอูลา ซึ่งล้วนเป็นเป้าหมายที่สอดคล้องกับจุดมุ่งหมายของวิสัยทัศน์ปี 2573 (Vision 2030) ของซาอุดีอาระเบีย
สำหรับกิจกรรมแรกภายใต้แคมเปญนี้ ราชกรรมาธิการอัลอูลาได้ร่วมมือกับ เดวิด โปปา (David Popa) ศิลปินชื่อดังชาวอเมริกัน เพื่อสร้างสรรค์ผลงานศิลปะชิ้นเอกที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นท่ามกลางภูมิทัศน์อันสวยงามของเมืองอัลอูลา โดยภาพสองมือที่โอบอุ้มสถานที่สำคัญได้ถูกรังสรรค์ขึ้นรอบสุสานของบุตรแห่งคูซา อาณาจักรลิยัน (Tomb of Lihyan, Son of Kuza) ในนครโบราณเฮกรา (Hegra) ซึ่งเป็นแหล่งมรดกโลกแห่งแรกของซาอุดีอาระเบียที่ได้รับการขึ้นทะเบียนจากยูเนสโกเมื่อปี 2551
ผลงานศิลปะชั่วคราวอันน่าประทับใจนี้สร้างสรรค์ขึ้นโดยอาศัยองค์ประกอบตามธรรมชาติ ซึ่งรวมถึงดินสีเหลืองจากยุโรปและดินสีแดงจากตะวันออกกลาง อีกทั้งยังเป็นหนึ่งในผลงานที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของเดวิด โปปา จนถึงปัจจุบัน โดยผลงานของเขาจะสลายตัวภายในเวลาไม่กี่สัปดาห์ ซึ่งตอกย้ำถึงความจำเป็นเร่งด่วนในการร่วมมือกันปกปักรักษาแหล่งมรดกทางวัฒนธรรมทั้งในเมืองอัลอูลา ประเทศซาอุดีอาระเบีย และทั่วโลก
ดร. อับดุลเราะห์มาน อัลซุฮัยบานี (Abdulrahman Alsuhaibani) กรรมการบริหารฝ่ายโบราณคดี การอนุรักษ์ และการสะสมของราชกรรมาธิการอัลอูลา กล่าวว่า "รากฐานของวัฒนธรรมและประเพณีของซาอุดีอาระเบียมีประวัติยาวนานนับพันปี โดยได้รับอิทธิพลจากอารยธรรมที่หลากหลาย ทั้งชาวนาบาเทียน (Nabataean) ชาวมิเนียน (Minaean) และชาวลิเฮียนไนท์ (Lihyanite) โดยแคมเปญ I Care ถือเป็นขั้นตอนสำคัญและครอบคลุมในการเพิ่มความตระหนักรู้ของชาวเมืองอัลอูลา และก่อให้เกิดความรู้สึกชื่นชมประวัติศาสตร์อันน่าเหลือเชื่อในถิ่นฐานของตนเอง"
"ราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบียมีความก้าวหน้าอย่างมากในการอนุรักษ์และพัฒนามรดกทางวัฒนธรรมและสินทรัพย์อันอุดมสมบูรณ์ ซึ่งรวมถึงเมืองอัลอูลาที่มีประวัติศาสตร์มนุษยชาติยาวนานถึง 200,000 ปี โดยราชกรรมาธิการอัลอูลา ในฐานะผู้พิทักษ์ศูนย์รวมอารยธรรมแห่งนี้ ได้ให้ความสำคัญกับการส่งเสริมให้ประชาชนตระหนักถึงความจำเป็นในการมีส่วนร่วมกับการอนุรักษ์ผ่านแคมเปญ I Care ซึ่งจะช่วยกระชับความสัมพันธ์ระหว่างราชกรรมาธิการอัลอูลากับคนในชุมชนให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ในขณะที่เราทำงานเพื่อบรรลุจุดประสงค์ที่ครอบคลุมและมีร่วมกัน นั่นคือ การปกปักรักษาและเชิดชูมรดกของเราเพื่อประโยชน์ของคนรุ่นหลังสืบไป"
เดวิด โปปา ศิลปินชาวอเมริกันผู้รังสรรค์ผลงานในแคมเปญนี้ กล่าวว่า "การได้ร่วมทำโปรเจกต์นี้ถือเป็นสิทธิพิเศษอย่างยิ่ง เพราะ I Care ไม่ใช่แค่แคมเปญทั่วไป แต่เป็นการเชิดชูมรดกและประเพณีของเมืองอัลอูลาและราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย ซึ่งมรดกของเมืองอัลอูลาก็ถือเป็นสมบัติของคนทั้งโลก ผมเข้าใจมากขึ้นเมื่อได้รับคำอธิบายที่กระจ่างแจ้งจากเหล่านักเล่าเรื่องท้องถิ่นที่เรียกว่า ราวี (Rawi) รวมถึงเจ้าหน้าที่พิทักษ์มรดก และยุวทูตที่ผ่านการฝึกอบรมในโครงการฮัมมายาห์ (Hammayah) เพื่อรับหน้าที่ดูแลมรดกอันล้ำค่านี้"
กลุ่มเป้าหมายหลักของแคมเปญ I Care คือเยาวชนคนรุ่นใหม่ในเมืองอัลอูลา โดยราชกรรมาธิการอัลอูลาจะจัดเตรียมสื่อการเรียนการสอนที่ครอบคลุมให้แก่โรงเรียนต่าง ๆ โดยครูและนักเรียนจะได้ทำกิจกรรมเวิร์กช็อปที่ออกแบบมาอย่างพิถีพิถันเพื่อสร้างความตระหนักรู้ถึงความสำคัญของการปกปักรักษาแหล่งมรดก ตลอดจนสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับความเชื่อมโยงระหว่างแหล่งมรดกกับเรื่องราว วิถีชีวิต และประเพณีของชุมชน นอกจากนี้ ราชกรรมาธิการอัลอูลาจะจัดกิจกรรมทัศนศึกษาสำหรับนักเรียนและกิจกรรมอื่น ๆ สำหรับคนในชุมชน ตามแหล่งประวัติศาสตร์ที่สำคัญของเมืองอัลอูลา เช่น นครโบราณเฮกรา เป็นต้น
คนในชุมชนทั้งเด็กและผู้ใหญ่ล้วนมีบทบาทสำคัญในการช่วยอนุรักษ์ภูมิทัศน์ทางวัฒนธรรมของเมืองอัลอูลา และแคมเปญ I Care จะช่วยเติมเต็มองค์ความรู้ที่ขาดหายไป ตลอดจนส่งเสริมการค้นพบในอนาคตทั้งในหมู่ชาวเมือง นักท่องเที่ยวผู้มาเยือน และพลเมืองซาอุดีอาระเบียทั้งหมด
ปัจจุบัน เมืองอัลอูลาได้รับการยอมรับว่าเป็นจุดหมายปลายทางระดับโลกแห่งใหม่ในด้านวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ การขุดค้นทางโบราณคดี และการแบ่งปันองค์ความรู้สมัยโบราณ
เมืองอัลอูลาเป็นที่ตั้งของนครนาบาเทีย (Nabataean) และนครโบราณเฮกรา (Hegra) ซึ่งเป็นแหล่งมรดกโลกยูเนสโก, นครดาดัน (Dadan) ซึ่งเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรดาดันไนท์ (Dadanite) และอาณาจักรลิเฮียนไนท์ (Lihyanite), ห้องสมุดกลางแจ้ง จาบาล อิกมาห์ (Jabal Ikmah) ซึ่งมีจารึกอักษรโบราณที่ได้รับการขึ้นทะเบียนจากยูเนสโกให้เป็นมรดกความทรงจำแห่งโลก (Memory of the World Register) และเขตเมืองเก่าอัลอูลา (AlUla Old Town) ซึ่งได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในหมู่บ้านท่องเที่ยวยอดเยี่ยมโดยองค์การการท่องเที่ยวโลกแห่งสหประชาชาติ (UNWTO)
สถานที่เหล่านี้และสถานที่อื่น ๆ อีกมากมาย ล้วนเป็นส่วนหนึ่งของโครงการอนุรักษ์ สำรวจ และศึกษาของราชกรรมาธิการอัลอูลา
สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับราชกรรมาธิการอัลอูลาและโครงการต่าง ๆ ได้ที่ www.rcu.gov.sa
เข้าถึงชุดข้อมูลสำหรับสื่อมวลชนของราชกรรมาธิการอัลอูลาได้ที่นี่
โซเชียลมีเดีย
RCU X | RCU LinkedIn | #ICare #إرثنا_مسؤوليتنا
รูปภาพ – https://mma.prnasia.com/media2/2331992/RCU_1.jpg?p=medium600
รูปภาพ – https://mma.prnasia.com/media2/2331993/RCU_2.jpg?p=medium600
รูปภาพ – https://mma.prnasia.com/media2/2331994/RCU_3.jpg?p=medium600
รูปภาพ – https://mma.prnasia.com/media2/2331998/RCU_4.jpg?p=medium600