- Industrial Transition Accelerator (ITA) ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากผู้นำธุรกิจระดับโลกกว่า 40 ราย และสถาบันการเงินกว่า 700 แห่ง ได้ออกจดหมายเปิดผนึกเรียกร้องให้รัฐบาลใช้มาตรการกระตุ้นความต้องการผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
- ความไม่แน่นอนในความต้องการและการขาดแรงจูงใจส่งผลให้การลดคาร์บอนในภาคอุตสาหกรรมชะลอตัว โดยผู้ผลิตและลูกค้าอยู่ในสภาวะชะงักงันเนื่องจากผลิตภัณฑ์ที่ปล่อยคาร์บอนสูงมีราคาต่ำกว่า
- ข้อมูลใหม่แสดงให้เห็นว่าจำนวนโครงการอุตสาหกรรมสีเขียวขนาดใหญ่ที่วางแผนไว้ในปี 2567 มีจำนวนเพิ่มขึ้น แต่มีเพียง 8 โครงการเท่านั้นที่ได้รับการสนับสนุนทางการเงินนับตั้งแต่เดือนเมษายน
บากู, อาเซอร์ไบจาน, 14 พฤศจิกายน 2567 /PRNewswire/ — ผู้นำธุรกิจและการเงินกว่า 40 รายและกลุ่มพันธมิตรกว่า 1,000 แห่ง ได้ออกจดหมายเปิดผนึกเรียกร้องให้รัฐบาลทั่วโลกเร่งกระตุ้นความต้องการวัสดุ เคมีภัณฑ์ และเชื้อเพลิงที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างเร่งด่วนเพื่อเร่งการลดคาร์บอนในอุตสาหกรรมที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกสูงที่สุดของโลก[1] การดำเนินการเช่นนี้จะช่วยปลดล็อกการลงทุนมูลค่าสูงถึง 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ[2] และผลักดันให้มีการก่อสร้างโรงงานอุตสาหกรรมสีเขียวกว่า 500 แห่งภายในปี 2573 ซึ่งจะช่วยลดการปล่อยก๊าซจากการผลิตอะลูมิเนียม ปูนซีเมนต์ เคมีภัณฑ์ เหล็กกล้า อุตสาหกรรมการบิน และการขนส่งทางเรือ เพื่อให้สอดคล้องกับเป้าหมายการรักษาระดับอุณหภูมิไม่ให้เกิน 1.5°C ภายในทศวรรษหน้า
New MPP Global Projects Tracker data shows the green industrial pipeline is growing and planned projects represent an investment opportunity of $1 trillion
ข้อมูลใหม่จาก Industrial Transition Accelerator (ITA) และ Mission Possible Partnership (MPP) เผยให้เห็นถึงการเพิ่มจำนวนของแผนโครงการอุตสาหกรรมสีเขียว อย่างไรก็ตาม มีเพียงไม่ถึง 20% ที่เริ่มดำเนินการแล้วหรือได้รับการสนับสนุนทางการเงินและการอนุมัติที่จำเป็นในการก่อสร้าง โดยมีเพียง 8 แห่งทั่วโลกเท่านั้นที่บรรลุการตัดสินใจลงทุนขั้นสุดท้าย (FID) นับตั้งแต่เดือนเมษายน 2567 ทำให้เหลืออีก 561 โครงการที่ประกาศแผนแล้วแต่ยังไม่ได้รับการยืนยันอย่างเป็นทางการ โดยในจำนวนนี้ มีโครงการจำนวน 300 แห่งที่รอการตัดสินใจลงทุนมาเป็นเวลานานกว่าสองปี ซึ่งหากอัตราดังกล่าวยังคงดำเนินต่อไป คาดว่าจะต้องใช้เวลาราว 35 ปีในการเริ่มต้นก่อสร้างโครงการที่เพียงพอต่อความต้องการ[3]
เพื่อให้เป็นไปตามแนวทางการลดอุณหภูมิที่ 1.5°C โครงการทั้งหมดในแผนจะต้องได้รับการสนับสนุนทางการเงินและเริ่มก่อสร้างภายในสองปีข้างหน้า[4]
การขาดนโยบายสนับสนุนส่งผลให้ความต้องการผลิตภัณฑ์สีเขียวไม่เพียงพอ ทำให้บริษัทและนักการเงินขาดความมั่นใจที่จำเป็นต่อการลงทุนระยะยาว นำไปสู่การหยุดชะงักของโครงการต่าง ๆ ขณะที่ผู้ซื้อไม่สามารถทำข้อตกลงซื้อขายระยะยาวในปริมาณมากได้ เนื่องจากยังมีสินค้าทดแทนที่สร้างคาร์บอนสูงแต่มีราคาถูกกว่า และขาดแรงจูงใจในการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่สะอาดกว่า
ภายใต้การนำของ Industrial Transition Accelerator (ITA) และการสนับสนุนจาก The Glasgow Finance Alliance for Net Zero (GFANZ) ซึ่งเป็นกลุ่มพันธมิตรจากกว่า 50 ประเทศ ได้ส่งจดหมายเปิดผนึกไปยังรัฐบาลเพื่อเรียกร้องให้มีการเริ่มบังคับใช้นโยบายดังนี้:
- สนับสนุนการกำหนดราคาคาร์บอนและมาตรฐานเชื้อเพลิงในระดับสากล
- กำหนดและบังคับใช้โควตาบังคับสำหรับเชื้อเพลิงและผลิตภัณฑ์ที่มีคาร์บอนต่ำหรือเกือบเป็นศูนย์
- กำหนดเป้าหมายบังคับสำหรับการใช้วัสดุที่มีคาร์บอนต่ำหรือเกือบเป็นศูนย์ในการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ
- กำหนดขีดจำกัดการปล่อยคาร์บอนตลอดอายุการใช้งานของผลิตภัณฑ์อย่างจริงจังและเข้มงวดขึ้นอย่างต่อเนื่อง
- ใช้กลไกที่ช่วยลดช่องว่างระหว่างราคาสินค้าโภคภัณฑ์สีเขียวและผู้ซื้อ
นอกเหนือจากจดหมายเปิดผนึกแล้ว ITA ยังได้เผยแพร่คู่มือ Green Demand Policy Playbook ซึ่งกำหนดมาตรการนโยบายที่อิงหลักฐานที่รัฐบาลสามารถนำไปใช้เพื่อเพิ่มความต้องการและการผลิตวัสดุ เคมีภัณฑ์ และเชื้อเพลิงที่มีคาร์บอนต่ำหรือเกือบเป็นศูนย์
[1] อุตสาหกรรมอะลูมิเนียม ปูนซีเมนต์ เคมีภัณฑ์ เหล็กกล้า การบิน และการขนส่งทางเรือ
[2] ยอดรวมการลงทุนในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ (ทั่วโลกและในภูมิภาค) คำนวณโดยอิงจากจำนวนโครงการที่ระบุใน Global Project Tracker ของ MPP ซึ่งใช้ข้อมูลแบบรวมในการติดตามความก้าวหน้าของการลงทุนในโครงการที่สอดคล้องกับเป้าหมายการปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ และอ้างอิงข้อมูลการลงทุนที่มีอยู่ทั่วไป รวมถึงการประเมินเงินลงทุนที่จำเป็นเพื่อให้โรงงานอุตสาหกรรมสีเขียวบรรลุการตัดสินใจลงทุนขั้นสุดท้าย (FID) โดยแหล่งข้อมูลประกอบด้วย MPP, RMI, Systemiq และ BNEF
[3] ใช้เวลาราว 40 ปีในการดำเนินโครงการ 552 แห่ง ด้วยอัตราการพัฒนา 7 โครงการทุก 6 เดือน (552/7)/2
[4] Global Project Tracker เปรียบเทียบความก้าวหน้าของการลงทุนจริงกับเป้าหมายแผนงานปี 2573 ของ MPP ซึ่งคิดเป็นประมาณ 70% ของการลดการปล่อยก๊าซที่จำเป็นในการควบคุมการปล่อยคาร์บอนของแต่ละภาคส่วนภายในปี 2573 และเป็นไปตามเป้าหมายคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ปี 2593 ขณะที่อีก 30% ที่เหลือสามารถบรรลุได้ผ่านการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานและวัสดุ
อินโฟกราฟิก: https://mma.prnasia.com/media2/2556879/ITA_Infographic.jpg?p=medium600