บากู อาเซอร์ไบจาน, 4 มิถุนายน 2567 /PRNewswire/ — ดร. Sultan Al Jaber ประธาน COP28 ได้กล่าวกับผู้ร่วมพิธีเปิดงานสัปดาห์พลังงานบากู (Baku Energy Week) ว่า ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกคนจำเป็นต้องใช้ประโยชน์จากความก้าวหน้าของปัญญาประดิษฐ์ (AI) การเปลี่ยนผ่านทางพลังงาน และการเติบโตของภูมิภาคซีกโลกใต้ เพื่อเร่งการพัฒนาที่ยั่งยืนและไม่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกสู่ชั้นบรรยากาศ (climate positive) สำหรับทุกคน
ดร. Al Jaber ยังได้เชิญชวนให้ภาคส่วนพลังงานและเทคโนโลยี ทำงานร่วมกันให้ใกล้ชิดมากขึ้นเพื่อเร่งนำเอไอมาใช้ เพื่อตอบสนองความต้องการพลังงานที่เพิ่มขึ้นอย่างยั่งยืนทั่วโลก พร้อมผลักดันการลดการปล่อยคาร์บอน
ดร. Al Jaber กล่าวสุนทรพจน์ในวันเปิดงานสัปดาห์พลังงานบากู ซึ่งจัดขึ้นที่กรุงบากู เมืองหลวงของอาเซอร์ไบจาน ถึงวันที่ 6 มิถุนายนนี้ว่า "ในขณะที่เอไอกำลังเข้ามาขับเคลื่อนความต้องการพลังงาน เอไอก็เข้ามาขับเคลื่อนประสิทธิภาพในการควบคุมการปล่อยก๊าซเรือนกระจกด้วย แท้จริงแล้ว การเติบโตของเอไอเป็นหนึ่งในสามแนวโน้มสำคัญที่จะเป็นตัวกำหนดอนาคตของเรา ควบคู่ไปกับการเปลี่ยนผ่านทางพลังงาน และการอุบัติขึ้นของตลาดเกิดใหม่และซีกโลกใต้ และยิ่งเอไอและพลังงานบรรจบเข้าใกล้มากขึ้นเท่าใด เราก็จะปลดล็อกโซลูชันได้มากขึ้น เพื่อขับเคลื่อนการเติบโตโดยปล่อยคาร์บอนลดลงได้ทุกที่"
ดร. Al Jaber เปิดเผยว่า ประธาน COP28 และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์จะทำงานร่วมกัน "อย่างใกล้ชิดกับประธาน COP ของอาเซอร์ไบจาน และเราขอเชิญชวนให้ทุกประเทศผลักดันให้ COP29 นำผลลัพธ์จากดูไบไปต่อยอดจนประสบความสำเร็จอย่างงดงาม"
"COP28 ได้สร้างประวัติศาสตร์ด้วยฉันทมติของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โดยนำเสนอความก้าวหน้าด้านสภาพภูมิอากาศที่ครอบคลุมที่สุดนับตั้งแต่ความตกลงปารีส" ดร. Al Jaber กล่าว "และเมื่อโลกเผชิญกับเหตุการณ์ภูมิรัฐศาสตร์ที่ซับซ้อน เราก็ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าความร่วมมือแบบพหุภาคียังคงปรากฏให้เห็นอยู่และได้ผล"
ดร. Al Jaber กล่าวว่า "เราได้รวมพลังผู้คนทั่วโลกให้มุ่งสู่เส้นทางที่เป็นไปได้ ในการรักษาอุณหภูมิโลกไม่ให้เพิ่มขึ้นเกิน 1.5 องศาเซลเซียส พร้อมกับสร้างความยืดหยุ่นเข้มแข็ง และผลักดันการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมอย่างทั่วถึง"
เพื่อให้สอดรับกับพันธสัญญาในฉันทมติสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตพลังงานหมุนเวียนเป็นสามเท่าภายในปี 2573 ทางสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์และอาเซอร์ไบจานร่วมฉลองพิธีวางศิลาฤกษ์โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ Bilasuvar และ Neftchala รวมถึงโครงการกังหันลม Absheron Garadagh โครงการเหล่านี้จะช่วยผลิตพลังงานสะอาดรวมกันกว่า 1 GW เพื่อตอบสนองความต้องการพลังงานที่เพิ่มขึ้นของอาเซอร์ไบจาน โครงการดังกล่าวซึ่งได้ประกาศไปเมื่อปีที่แล้ว มียักษ์ใหญ่ด้านพลังงานสะอาดจากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์อย่าง Masdar และบริษัทน้ำมันแห่งชาติของอาเซอร์ไบจานอย่าง SOCAR เป็นผู้พัฒนา
ดร. Al Jaber กล่าวว่า "สิ่งนี้ต่อยอดผลงานความร่วมมือของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เพื่อยกระดับการพัฒนาให้ประเทศนี้เติบโตอย่างเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และส่งเสริมการพัฒนาที่ยั่งยืนทั่วโลก ความร่วมมือเชิงปฏิบัติเช่นนี้จะช่วยเปลี่ยนฉันทมติของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ให้กลายเป็นความจริงที่จับต้องได้ทั่วโลก"
เขากล่าวว่า โครงการ COP Presidencies Troika ซึ่งได้รับมอบหมายตามฉันทมติสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และผนวกรวม COP28 เข้ากับประธาน COP จากอาเซอร์ไบจานและบราซิล จะเข้ามาช่วยขับเคลื่อนการดำเนินการด้านสภาพภูมิอากาศร่วมกันอย่างเข้มแข็ง
โครงการ Troika ที่ว่านี้กำลังเข้ามาสร้างแรงผลักดัน เพื่อส่งเสริมการมีส่วนร่วมที่ประเทศกำหนด (Nationally Determined Contribution หรือ NDC) ชุดใหม่ ให้สอดคล้องกับฉันทมติสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
ดร. Al Jaber เปิดเผยว่า ภาคอุตสาหกรรมยังต้องเข้ามามีบทบาทต่อไป พร้อมกล่าวยกย่อง SOCAR ที่ได้เข้าร่วมกฎบัตรการลดคาร์บอนในภาคน้ำมันและก๊าซที่เปิดตัวไปในเวที COP28 ด้วย
"ขณะนี้ ภาคอุตสาหกรรมกว่า 40% มุ่งมั่นที่จะลดการปล่อยก๊าซมีเทนให้เป็นศูนย์ภายในปี 2573 และสุทธิเป็นศูนย์ภายในหรือก่อนปี 2593" ดร. Al Jaber กล่าวเสริม "สำหรับผู้ที่ยังไม่ได้ประกาศตัวมีส่วนร่วม ก็ขอแนะนำให้ดำเนินการโดยเร็ว"
เขากล่าวกับผู้ร่วมงานว่า "คุณมีอำนาจ ทรัพยากร และเทคโนโลยี ที่จะสร้างผลลัพธ์อันดีได้ในระยะเวลาอันสั้น"
ดร. Al Jaber เปิดเผยว่า การก้าวไปข้างหน้าอย่างกล้าหาญนั้น ต้องทำควบคู่ไปกับการมองโลกตามความเป็นจริง โดยการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานจะเกิดขึ้นแตกต่างกันตามแต่ละพื้นที่และกรอบเวลา และแต่ละอุตสาหกรรมก็ต้องการทางออกที่ปรับให้เข้ากับบริบทเฉพาะของตนเอง
ประธาน COP28 มองว่า การขยายศูนย์ข้อมูลเพื่อขับเคลื่อนการเติบโตของเอไอจะต้องอาศัยพลังงานหมุนเวียนที่ได้รับการสนับสนุนจากก๊าซธรรมชาติ โดย COP29 ซึ่งจะจัดขึ้นที่กรุงบากูในเดือนพฤศจิกายน จะ "ให้ความสำคัญในจุดที่ต่างไปจาก COP ครั้งอื่น ๆ" ในประเด็นการเงินเพื่อสภาพภูมิอากาศ ซึ่งเป็นปัจจัยขับเคลื่อนสำคัญในฉันทมติสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ดร. Al Jaber ได้แสดงความยินดีกับข่าวที่ว่า ในที่สุดคำมั่นสัญญาในการระดมทุนรับมือกับปัญหาสภาพภูมิอากาศให้ได้ 1 แสนล้านดอลลาร์ก็เกิดขึ้นแล้ว เขากล่าวว่า "ผมรู้สึกมีความหวัง… แต่เรายังต้องการเม็ดเงินอีกมากมาย เพื่อส่งเสริมความพร้อม การเข้าถึง และความสามารถในการจ่าย"
ดร. Al Jaber กล่าวว่า สถาบันการเงินระหว่างประเทศ (IFI) และธนาคารเพื่อการพัฒนาพหุภาคี (MDB) "มีบทบาทสำคัญในการช่วยให้ตลาดเกิดใหม่และตลาดกำลังพัฒนามีความน่าลงทุนมากขึ้น นอกจากนี้ เขายังกล่าวอีกว่า "ภาคเอกชนจะต้องก้าวขึ้นมาช่วยเปลี่ยน ให้พันล้านกลายเป็นล้านล้าน"
โซลูชันเหล่านี้รวมถึง ALTÉRRA ซึ่งเปิดตัวอย่างเป็นทางการในงาน COP28 โดยสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ได้ให้คำมั่นสนับสนุนเงินลงทุนถึง 3 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ทำให้กองทุนนี้กลายเป็นกองทุนเอกชนเพื่อต่อสู้กับปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งจะเป็นตัวแปรสำคัญในการผลักดันการลงทุนขนาดใหญ่ให้เข้าถึงพื้นที่ที่ต้องการความช่วยเหลือมากที่สุด
ดร. Al Jaber กล่าวว่า "กองทุนนี้จะระดมเงินลงทุนเพิ่มเติมอีก 2.5 แสนล้านดอลลาร์ในอีก 6 ปีข้างหน้าในตลาดเกิดใหม่และประเทศแถบโลกใต้ และผมเชื่อว่ากองทุนดังกล่าวจะเป็นแบบอย่างที่ควรปฏิบัติตามเพื่อปลดล็อกการเงินในวงกว้าง"
ดร. Al Jaber ได้กล่าวปิดท้าย โดยได้พูดคุยเกี่ยวกับโอกาสที่มาพร้อมกับการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสีเขียวว่า "เราเผชิญกับปัญหาท้าทายที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน แต่ความท้าทายเหล่านี้ย่อมมาพร้อมกับโอกาสในการกำหนดอนาคตของเราขึ้นใหม่ เพื่อมุ่งสู่เส้นทางแห่งความยั่งยืนและความยืดหยุ่น
การเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจที่ยั่งยืนไม่ได้มีแค่เรื่องการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเท่านั้น แต่ยังเป็นเรื่องเกี่ยวกับการสร้างงาน ส่งเสริมสุขภาพ และยกระดับคุณภาพชีวิตให้กับผู้คนนับพันล้านทั่วโลกด้วย"
การเปลี่ยนผ่านนี้ต้องนำพาโลกไปสู่จุดที่เด็กทุกคน "ไม่ว่าจะเกิดในประเทศกลุ่มโลกเหนือหรือใต้ ล้วนมีโอกาสเติบโตอย่างเต็มศักยภาพ นี่คือการเชิญชวนให้ทุกประเทศ ทุกอุตสาหกรรม ทุกชุมชน และทุกคน ก้าวออกมาร่วมแรงร่วมใจเพื่อภารกิจที่ยิ่งใหญ่กว่าเส้นแบ่งพรมแดนจากรุ่นสู่รุ่น"
ดร. Al Jaber กล่าวว่า กุญแจสำคัญของการเปลี่ยนผ่านครั้งนี้คือเทคโนโลยี "เราต้องโอบรับเทคโนโลยีใหม่ ๆ ส่งเสริมการทำงานร่วมกัน และมุ่งปฏิบัติตามนโยบายพลิกโฉม ที่จะช่วยปกป้องโลกใบนี้และสร้างความเจริญรุ่งเรืองให้ทุกคน"
ทั้งนี้ ดร. Al Jaber ขอเชิญชวนทุกคนให้ "ลุกขึ้นมาในยามนี้อย่างกล้าหาญและเชื่อมั่น เพราะเมื่อเรามีจุดมุ่งหมายร่วมกัน ก็ไม่มีความท้าทายใดที่ยิ่งใหญ่เกินตัว และไม่มีเป้าหมายใดสูงเกินเอื้อม ในการประชุม COP28 ครั้งนี้ พวกเรารวมพลัง ลงมือทำ และบังเกิดผล โดยในเวที COP29 นี้ เรามาเร่งเครื่องกันต่อ และติดตามผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมกันให้ได้"