ลอนดอน, 27 มีนาคม 2567 /PRNewswire/ — รายงานภูมิทัศน์การแข่งขัน (Competitive Landscape Tool) ฉบับล่าสุดของออมเดีย (Omdia) เผยให้เห็นถึงการชะลอตัวของอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ หลังมีรายได้ลดลง 9% จากเดิมที่ 5.977 แสนล้านดอลลาร์ในปี 2565 ลดลงเหลือ 5.448 แสนล้านดอลลาร์ในปี 2566 การชะลอตัวลงในครั้งนี้เกิดขึ้นหลังการเติบโตสูงสุดเป็นประวัติการณ์ติดต่อกันสองปี ชี้ให้เห็นถึงธรรมชาติแห่งวัฏจักรของตลาดเซมิคอนดักเตอร์
คุณคลิฟฟ์ ไลม์บาค (Cliff Leimbach) นักวิเคราะห์อาวุโสของออมเดีย กล่าวว่า "การแกว่งตัวขึ้นซึ่งเริ่มต้นในช่วงโควิดได้สิ้นสุดลงแล้ว หลังจากความต้องการเซมิคอนดักเตอร์ที่เพิ่มขึ้นในช่วงวิกฤติโควิดนำไปสู่การขาดแคลนสินค้าในตลาดก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ตาม ความต้องการเซมิคอนดักเตอร์เริ่มอ่อนตัวลงเนื่องจากปัจจัยทางเศรษฐกิจมหภาค ในขณะที่อุปทานส่วนประกอบเซมิคอนดักเตอร์กลับเพิ่มขึ้น"
ในปี 2566 แม้ว่าอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์โดยรวมจะชะลอตัวลง แต่เอไอได้กลายเป็นตัวขับเคลื่อนการเติบโตที่สำคัญของอุตสาหกรรม ทำให้บริษัทต่าง ๆ ที่มุ่งเน้นไปที่ปัญญาประดิษฐ์ยังสามารถเก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากส่วนนี้ได้ เห็นได้ชัดจากการที่อินวิเดีย (NVIDIA) สามารถก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำด้วยรายได้จากผลิตภัณฑ์ประเภทเซมิคอนดักเตอร์ที่เพิ่มขึ้นเกินกว่าสองเท่าจากปี 2565 แตะที่ 4.9 หมื่นล้านดอลลาร์ในปี 2566 แสดงให้เห็นถึงการเติบโตอย่างมากของอินวิเดีย หลังจากที่บริษัทมีรายได้จากเซมิคอนดักเตอร์ต่ำกว่า 1 หมื่นล้านดอลลาร์ก่อนช่วงวิกฤติโควิดในปี 2562 อย่างไรก็ตาม แม้ว่าอินวิเดียจะเป็นผู้ขับเคลื่อนวงการเอไอรายใหญ่ที่สุด แต่กลับไม่ใช่ผู้เล่นเพียงรายเดียวที่ได้ประโยชน์จากกระแสครั้งนี้
อุปสงค์ที่แข็งแกร่งสำหรับหน่วยความจำแบนด์วิดท์สูง (HBM) ที่รวมเข้ากับหน่วยประมวลผลกราฟิกเพื่ออำนวยความสะดวกด้านการใช้งานเอไอ ยังทำให้เอสเค ไฮนิกส์ (SK Hynix) ขยับขึ้นเป็นผู้นำในกลุ่มนี้ ในขณะที่ผู้ผลิตหน่วยความจำรายใหญ่อื่น ๆ เริ่มเข้ามาลงทุนในด้านนี้มากขึ้น โดยแม้ว่าตลาดหน่วยความจำจะอ่อนตัวลงโดยรวมในปี 2566 แต่ตลาดหน่วยความจำแบนด์วิดท์สูงกลับเติบโตอย่างแข็งแกร่งที่ 127% เมื่อเทียบรายปีในแง่ผลิตภัณฑ์หน่วยความจำเทียบเท่า 1 กิกะไบต์ ทั้งนี้ ออมเดียคาดการณ์ว่า หน่วยความจำแบนด์วิดท์สูงจะมีแนวโน้มเติบโตสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในปี 2567 ที่ระหว่าง 150-200% และคาดว่าจะเป็นผู้นำการเติบโตในตลาดหน่วยความจำ
ในปี 2566 กลุ่มยานยนต์ได้มีอิทธิพลมากขึ้นในตลาดเซมิคอนดักเตอร์ หลังมีรายได้เพิ่มขึ้นกว่า 15% แตะที่ 7.5 หมื่นล้านดอลลาร์ การเพิ่มขึ้นของยานพาหนะไฟฟ้าและการบูรณาการระบบอัจฉริยะเข้ากับรถยนต์กำลังผลักดันความต้องการเซมิคอนดักเตอร์ในภาคส่วนนี้ให้สูงขึ้น โดยคิดเป็นประมาณ 14% ของตลาดเซมิคอนดักเตอร์ทั้งหมด
"การเติบโตอย่างรวดเร็วของรายได้จากเซมิคอนดักเตอร์ของอินวิเดีย ทำให้บริษัทกลายเป็นผู้ผลิตเซมิคอนดักเตอร์ที่ใหญ่เป็นอันดับสองเมื่อพิจารณาจากรายได้ในปี 2566 ตามหลังเพียงยักษ์ใหญ่อย่างอินเทล (Intel) ขณะที่อดีตผู้นำอุตสาหกรรมในปี 2565 อย่างซัมซุง (Samsung) ตกลงมาอยู่ที่อันดับสามในปี 2566 หลังรายได้จากผลิตภัณฑ์หน่วยความจำลดลงเกือบครึ่งหนึ่งเมื่อเทียบกับปี 2564" คุณไลม์บาคกล่าวเสริม
การชะลอตัวลงนี้ยังส่งผลกระทบอย่างเห็นได้ชัดต่อผู้ผลิตหน่วยความจำรายใหญ่ โดยเฉพาะบริษัทเซมิคอนดักเตอร์ชั้นนำเมื่อพิจารณาจากรายได้ โดยก่อนหน้านี้ ในช่วงปี 2560 ถึง 2564 บริษัทซัมซุง อิเล็กทรอนิกส์ (Samsung Electronics) เอสเค ไฮนิกส์ (SK Hynix) และไมครอน เทคโนโลยี (Micron Technology) ล้วนถูกจัดให้อยู่ในห้าอันดับแรกของบริษัทที่มีรายได้มากที่สุด อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางสภาวะตลาดหน่วยความจำที่ท้าทายนี้ ซัมซุง อิเล็กทรอนิกส์ได้ขยับลงมาอยู่ในอันดับที่ 3 ขณะที่เอสเค ไฮนิกส์ และไมครอน เทคโนโลยีลงมาอยู่ที่อันดับ 6 และ 12 ตามลำดับในปี 2566
เกี่ยวกับ ออมเดีย
ออมเดีย (Omdia) เป็นกลุ่มวิจัยและให้คำปรึกษาด้านเทคโนโลยีในเครือบริษัท อินฟอร์มา เทค (Informa Tech) โดยความรู้เชิงลึกของเราในด้านตลาดเทคโนโลยีประกอบกับข้อมูลเชิงลึกที่นำไปปฏิบัติได้จริง ช่วยให้องค์กรต่าง ๆ สามารถตัดสินใจเรื่องการเติบโตทางธุรกิจได้อย่างชาญฉลาด
ติดต่อ: ฟาซิฮะห์ ข่าน (Fasiha Khan) Fasiha.khan@omdia.com
รูปภาพ – https://mma.prnasia.com/media2/2369706/Total_semiconductor_revenue.jpg?p=medium600
รูปภาพ – https://mma.prnasia.com/media2/2369707/Top_20_CLT_Mar_2024_Infographic.jpg?p=medium600
โลโก้ – https://mma.prnasia.com/media2/2369794/4610008/Omdia_Logo.jpg?p=medium600