ลาซา, จีน, 17 ธ.ค. 2567 /PRNewswire/ — เมืองลาซาซึ่งเป็นหนึ่งในเมืองที่อยู่สูงที่สุดในโลก มีความท้าทายที่เป็นอุปสรรคต่อเทคโนโลยีเผาขยะและประสิทธิภาพของอุปกรณ์ เพราะมีอุณหภูมิต่ำและระดับออกซิเจนน้อย
อย่างไรก็ดี เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2567 ที่ผ่านมา โรงงานเปลี่ยนขยะเป็นพลังงาน ลาซา เฟส 2 ซึ่งลงทุนและดำเนินการโดยผู้ให้บริการด้านสิ่งแวดล้อมครบวงจรชั้นนำระดับโลกอย่าง SUS Environment ได้เริ่มเปิดดำเนินการอย่างเป็นทางการ ซึ่งนอกจากจะใช้เวลาก่อสร้างเพียง 17 เดือนแล้ว โรงงานแห่งนี้ยังสามารถจัดการขยะได้มากกว่า 290,000 ตันต่อปี และผลิตกระแสไฟฟ้าได้ประมาณ 150 ล้าน kWh ต่อปี ซึ่งเพียงพอต่อความต้องการใช้ไฟฟ้าของครัวเรือนราว 60,000 ครัวเรือนต่อปี
โรงงานเปลี่ยนขยะเป็นพลังงาน ลาซา เฟส 2 ให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมของชุมชนเป็นอย่างมาก โรงงานแห่งนี้ออกแบบสถาปัตยกรรมโดยผสมผสานองค์ประกอบทางวัฒนธรรมทิเบตเข้าไว้อย่างกลมกลืนกับชุมชนโดยรอบ นอกจากนี้ SUS Environment ยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาพนักงานชาวทิเบต ซึ่งมีสัดส่วนมากกว่า 31% ของพนักงานประจำทั้งหมด พนักงานของ SUS ยังหมั่นเยี่ยมเยียนและช่วยเหลือครอบครัวชาวทิเบตที่ยากจน เพื่อช่วยแก้ไขปัญหาในการดำรงชีวิตด้วย ทางโรงงานฯ ยังได้จัดตั้ง "ศูนย์การเรียนรู้ภาคปฏิบัติ" เพื่อส่งเสริมการพัฒนาบุคลากรในท้องถิ่นร่วมกับมหาวิทยาลัยทิเบต เพื่อมอบโอกาสทางการศึกษาและอาชีพให้กับสถานศึกษาในท้องถิ่น
นับตั้งแต่ปี 2561 SUS Environment ได้สนับสนุนการดำเนินงานของโรงงานเปลี่ยนขยะเป็นพลังงาน ลาซา เฟส 1 ด้วยเทคโนโลยีและอุปกรณ์การเผาไหม้แบบตะกรับเชิงกล (mechanical grate) ซึ่งในทางปฏิบัตินั้น เตาเผาแบบตะกรับเชิงกลที่ผลิตโดย SUS Environment สามารถปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมที่มีระดับความสูงมากและมีออกซิเจนต่ำของเมืองลาซาได้อย่างสมบูรณ์ โดยมีความสามารถในการจัดการขยะและลดปริมาณกากเผาไหม้ได้สูงกว่าค่าที่ออกแบบไว้
ทั้งนี้ การเปิดดำเนินการโรงงานเปลี่ยนขยะเป็นพลังงาน ลาซา เฟส 2 เป็นอีกครั้งที่แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของ SUS Environment ในฐานะผู้ให้บริการด้านสิ่งแวดล้อมครบวงจรชั้นนำระดับโลก SUS Environment ได้ลงทุนและก่อสร้างโรงงานเปลี่ยนขยะเป็นพลังงานทั่วโลกแล้ว 84 แห่ง มีกำลังการจัดการขยะรวม 110,000 ตันต่อวัน อีกทั้งเทคโนโลยีและอุปกรณ์ของบริษัทฯ ยังมีผู้นำไปใช้ในโรงงานเปลี่ยนขยะเป็นพลังงาน 277 แห่ง และสายการเผาไหม้ 518 สายทั่วโลก โดยมีกำลังการจัดการขยะรวมมากกว่า 290,000 ตันต่อวัน SUS Environment เป็นผู้ให้บริการอุปกรณ์เผาขยะรายใหญ่ที่สุดของโลก และเป็นหนึ่งในสามผู้ประกอบการชั้นนำของโลกด้านการลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมเชิงนิเวศคาร์บอนต่ำ