ปักกิ่ง, 17 พ.ย. 2567 /PRNewswire/ — นับตั้งแต่การเทียบท่าของเรือลำแรกที่ท่าเรือชางใค (Chancay Port) จนถึงพิธีเปิดอย่างเป็นทางการ ท่าเรือแห่งนี้ได้ดึงดูดความสนใจจากทั่วโลกในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา เสริมสร้างความเชื่อมั่นต่อการพัฒนาเศรษฐกิจเอเชียแปซิฟิกที่เปิดกว้างและครอบคลุมมากขึ้น
ท่าเรือนี้เป็นโครงการความร่วมมือระหว่างเปรูกับจีนภายใต้โครงการสายแถบและเส้นทาง (BRI) โดยจะช่วยลดระยะเวลาการขนส่งทางทะเลจากเปรูไปจีนเหลือเพียง 23 วัน และลดต้นทุนโลจิสติกส์ลงอย่างน้อย 20% คาดว่าจะสร้างรายได้ให้เปรูปีละ 4.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และสร้างงานโดยตรงกว่า 8,000 ตำแหน่ง ท่าเรือนี้สามารถรองรับเรือคอนเทนเนอร์ขนาดใหญ่พิเศษที่บรรทุกคอนเทนเนอร์ขนาดยี่สิบฟุต (TEU) ได้ถึง 18,000 ตู้ โดยมีขีดความสามารถในการรองรับสินค้าผ่านท่า 1 ล้าน TEU ในระยะใกล้ และ 1.5 ล้าน TEU ในระยะยาว ส่งผลให้กลายเป็นศูนย์กลางสำคัญในการค้าระหว่างลาตินอเมริกากับเอเชีย
ประธานาธิบดี Xi Jinping ของจีน กล่าวผ่านวิดีโอลิงก์ในพิธีเปิดท่าเรือโดยอ้างถึงการเชื่อมต่อระหว่างชางใคกับเซี่ยงไฮ้ว่า "สิ่งที่เรากำลังเห็นไม่ใช่แค่การหยั่งรากและเบ่งบานของโครงการสายแถบและเส้นทางในเปรูเท่านั้น แต่ยังเป็นการกำเนิดประตูการค้าแห่งใหม่ที่เชื่อมโยงทั้งทางบกและทางทะเล เชื่อมเอเชียและลาตินอเมริกาเข้าด้วยกัน"
เจ้าหน้าที่เปรู: ‘โอกาสในการจ้างงานและการเติบโตทางเศรษฐกิจ’ มาถึงเปรูแล้ว
เจ้าหน้าที่ระดับสูงของเปรูและประชาชนทั่วไปต่างแสดงความหวังที่จะได้รับประโยชน์จากท่าเรืออัจฉริยะและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมแห่งแรกในอเมริกาใต้
Gustavo Adrianzen นายกรัฐมนตรีเปรู เปิดเผยว่า ความร่วมมือระหว่างจีนกับเปรู รวมถึงโครงการท่าเรือชางใคและด้านอื่น ๆ จะเข้ามาเพิ่มโอกาสในการจ้างงาน และผลักดันการเติบโตทางเศรษฐกิจให้กับเปรู ส่งผลให้มาตรฐานการครองชีพของประชาชนดีขึ้น
Jose Tam ประธานหอการค้าจีน-เปรู ได้พูดคุยกับ CGTN เกี่ยวกับความสำคัญของท่าเรือชางใค โดยกล่าวว่าท่าเรือแห่งนี้จะเป็น "เครื่องจักร" ขับเคลื่อนเศรษฐกิจท้องถิ่น
Juan Carlos Capunay อดีตผู้อำนวยการบริหารสำนักเลขาธิการเอเปคและอดีตเอกอัครราชทูตเปรูประจำจีน ยังระบุว่าท่าเรือแห่งนี้จะมีบทบาทสำคัญในการกระชับความสัมพันธ์ทวิภาคีและส่งเสริมความร่วมมือเชิงปฏิบัติระหว่างจีนกับเปรู
Cielo Augusto ผู้ประกอบการจากชางใค เปิดเผยว่า เขาหวังที่จะสร้างธุรกิจในระยะแรก พร้อมชี้ว่าอุตสาหกรรมต่าง ๆ เช่น งานบริการ จะได้รับการกระตุ้นด้วย เนื่องจากจะมีผู้คนจากต่างประเทศหลั่งไหลเข้ามาเป็นจำนวนมาก
Karla Santuyomarca ประชาชนชาวเปรู กล่าวกับ CGTN ว่า "ท่าเรือแห่งนี้จะช่วยประหยัดเวลา เพิ่มประสิทธิภาพ และนำโอกาสใหม่ ๆ มาสู่เปรู"
จากการสำรวจความคิดเห็นชาวเปรูโดย CGTN พบว่า 78.3% ของผู้ตอบแบบสอบถามสนับสนุนให้เปรูเข้าร่วมโครงการสายแถบและเส้นทาง ซึ่งรวมถึงท่าเรือชางใค นอกจากนี้ 93.6% ของผู้ตอบแบบสอบถามยังสนับสนุนให้เพิ่มความร่วมมือเชิงปฏิบัติในด้านต่าง ๆ ระหว่างจีน เปรู และประเทศอื่น ๆ ในลาตินอเมริกาด้วย
ร่วมมือกับเอเชียแปซิฟิกอย่างเปิดกว้างและเชื่อมโยง
ท่าเรือชางใคได้จัดพิธีเปิดอย่างเป็นทางการเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา โดยมีความมุ่งหวังที่จะผนวกรวมภูมิภาคลาตินอเมริกาทั้งหมดเข้ากับกรอบเศรษฐกิจที่มีพลวัตของเอเชียแปซิฟิก ช่วยยกระดับการเชื่อมต่อทั้งภายในและภายนอกทวีปได้เป็นอย่างมาก
Elmer Schialer Salcedo รัฐมนตรีต่างประเทศเปรู กล่าวว่า "มหาสมุทรแปซิฟิกไม่ได้แยกเราออกจากกัน แต่เชื่อมเราเข้าด้วยกัน" พร้อมเสริมว่าท่าเรือชางใคจะช่วยลดเวลาและค่าใช้จ่ายในการเชื่อมต่อระหว่างอเมริกาใต้กับเอเชียลงครึ่งหนึ่ง
Carlos Aquino Aquino Rodriguez ศาสตราจารย์ด้านเศรษฐกิจเอเชียแห่งมหาวิทยาลัย San Marcos National University เปิดเผยว่า ท่าเรือแห่งนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและการเชื่อมต่อกับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก อีกทั้งยังสามารถส่งเสริมผลประโยชน์ร่วมกันระหว่างผู้ซื้อวัตถุดิบ ผู้จัดหาสินค้าผลิตสำเร็จ และนักลงทุนด้วย
จากการสำรวจความคิดเห็นทั่วโลกของ CGTN เกี่ยวกับความร่วมมือในเอเชียแปซิฟิก พบว่า 93.7% ของผู้ตอบแบบสอบถามเรียกร้องให้ทุกฝ่ายในภูมิภาคร่วมกันสร้างฉันทมติและสร้างประชาคมเอเชียแปซิฟิกที่มีอนาคตร่วมกัน โดยเน้นความเปิดกว้างและการมีส่วนร่วม การเติบโตด้วยนวัตกรรม การเชื่อมต่อ และความร่วมมือที่ให้ประโยชน์ร่วมกัน