หนิงโป จีน, 10 เมษายน 2567 /พีอาร์นิวส์ไวร์/ — เทคโนโลยีเซลล์แสงอาทิตย์กำลังพัฒนาก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว เพราะพลังงานแสงอาทิตย์เป็นที่ต้องการเพิ่มมากขึ้นทั่วโลก ปัจจุบัน เทคโนโลยี PERC แบบพีไทป์ (p-type) กำลังถูกเทคโนโลยีเซลล์แบบเอ็นไทป์ (n-type) แซงหน้า โดยที่เซลล์เฮเทอโรจังก์ชัน (HJT) แบบเอ็นไทป์ผงาดขึ้นเป็นตัวเลือกที่มาแรงที่สุด การออกแบบเซลล์และวัสดุ HJT อาศัยการวิจัยที่สั่งสมมากว่า 40 ปี และได้รับการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้มีประสิทธิภาพและความน่าเชื่อถือเพิ่มขึ้นอย่างมาก ขณะนี้เซลล์ HJT มีประสิทธิภาพในการแปลงพลังงานเกิน 26% ทำให้โมดูล HJT ส่งกำลังไฟฟ้าได้เกิน 700Wp ดันได้สูงสุดถึง 720Wp+
ไรเซ่น เอ็นเนอร์ยี่ (Risen Energy) เป็นผู้นำในการวิจัย พัฒนา และผลิตเซลล์เฮเทอโรจังก์ชันแบบเอ็นไทป์ โดยมีประวัติศาสตร์อันยาวนานในการคิดค้นนวัตกรรมใหม่ ๆ ในสาขา HJT ซึ่งนับตั้งแต่ปี 2561 นั้น บริษัทฯ ประสบความสำเร็จมาแล้วหลายด้าน โดยเมื่อปี 2562 ก็ได้ประเดิมใช้เทคโนโลยี MBB ใน HJT เป็นรายแรก ซึ่งช่วยลดการใช้ธาตุเงินได้อย่างมีนัยสำคัญ (ประมาณ 100 มก.) และลดค่าใช้จ่ายด้วยเช่นกัน ต่อมาในปี 2565 ไรเซ่น เอ็นเนอร์ยี่ ยังได้ยกระดับผลิตภัณฑ์ในไลน์ HJT ให้ก้าวไกลยิ่งขึ้น ด้วยการบุกเบิกการใช้เทคโนโลยีไมโครคริสตัลไลน์แบบสองด้าน เทคโนโลยีซีโรบัสบาร์ (0BB) และวัสดุต่าง ๆ เช่น เวเฟอร์ซิลิคอนบางพิเศษ สื่อนำไฟฟ้าที่ใช้แร่เงินน้อย และฟิล์มตัดด้านสูง และหลังจากที่ได้ทดสอบอย่างละเอียดแล้ว บริษัทฯ ก็ได้เปิดตัวโมดูลไฮเปอร์ไอออน HJT กำลังสูง 700W+ ออกสู่ตลาด
ไรเซ่น เอ็นเนอร์ยี่ มุ่งทดสอบและตรวจสอบโมดูลไฮเปอร์ไอออนอย่างเข้มงวด โมดูลเหล่านี้ผ่านการทดสอบ 3xIEC อันเข้มงวดจากบุคคลที่สามมาแล้ว ทั้งยังผ่านการทดสอบตามมาตรฐาน IEC63209 นอกจากนี้ ไรเซ่น เอ็นเนอร์ยี่ ยังได้ทดสอบการผลิตไฟฟ้าในกว่า 20 ประเทศและภูมิภาค เพื่อยกระดับสมรรถนะให้รองรับสภาพแวดล้อมได้หลากหลายทั่วโลก ซึ่งหลังจากที่ได้เปิดเผยข้อมูลการทดสอบในประเทศไปเป็นที่เรียบร้อย ข้อมูลประสิทธิภาพเชิงประจักษ์ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมาจากศูนย์ทดสอบในซาอุดีอาระเบียก็ปรากฏออกมาให้เห็นแล้ว
ระหว่างเดือนธันวาคม 2566 ถึงกุมภาพันธ์ 2567 โมดูลไฮเปอร์ไอออน HJT ผลิตไฟฟ้าเฉลี่ยได้วันละ 4.25Wh/W โดยผลิตไฟฟ้าได้มากกว่าท็อปคอน (TOPCon) ถึง 2.82% ส่วนในกรณีความเข้มรังสีอาทิตย์ค่อนข้างต่ำ 3.55 kW/m2 นั้น โมดูลไฮเปอร์ไอออนก็ยังผลิตไฟฟ้าทั้งเดือนได้มากกว่าท็อปคอนถึง 3.58% ซึ่งแสดงให้เห็นประสิทธิภาพที่เหนือกว่าในการผลิตไฟฟ้า
ในอุตสาหกรรมพลังงานแสงอาทิตย์นั้น นวัตกรรมเป็นหัวใจสำคัญให้บริษัททั้งหลายก้าวนำเหนือคู่แข่งได้ ไรเซ่น เอ็นเนอร์ยี่ ทุ่มเทเดินหน้าวิจัยและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยผนึกกำลังกับบรรดาพันธมิตรเพื่อขับเคลื่อนทั้งอุตสาหกรรมไปข้างหน้า เราวิเคราะห์ข้อมูลที่บันทึกมาจากโครงการจริง เพื่อช่วยให้ผู้ใช้ของเรามีข้อมูลประกอบการตัดสินใจเลือกแผงโซลาร์เซลล์สมรรถนะสูงที่คุ้มค่า ทั้งนี้ การมุ่งพัฒนาประสิทธิภาพและเสถียรภาพนั้นช่วยส่งเสริมให้โซลูชันพลังงานสะอาดเป็นที่นิยมใช้ในวงกว้างมากขึ้น พร้อมเร่งให้ทั่วโลกเปลี่ยนผ่านไปสู่อนาคตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น