เมื่อธุรกรรมดิจิทัลเพิ่มขึ้น บริการโทเค็นของวีซ่าช่วยอำนวยความสะดวกให้ผู้บริโภคได้รับประสบการณ์ในการชำระเงินที่ราบรื่นยิ่งขึ้น ขณะเดียวกันก็ลดการฉ้อโกง และปรับปรุงการอนุมัติการชำระเงิน
สิงคโปร์, 26 มีนาคม 2567 /พีอาร์นิวส์ไวร์/ — วีซ่า (Visa) ประกาศในวันนี้ว่า เศรษฐกิจดิจิทัลของเอเชียแปซิฟิกมีมูลค่าเพิ่มขึ้นกว่า 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ[1] ในปี 2566 อันเป็นผลจากการนำบริการโทเค็นของวีซ่า (Visa Token Service หรือ VTS) มาใช้ ความสำเร็จนี้สะท้อนให้เห็นถึงบทบาทอันทรงพลังที่โทเค็นนำมาสู่การค้าดิจิทัล ทั้งในหน้าร้านและออนไลน์ เมื่อโทเค็นมีจำนวนแตะหลัก 1 พันล้าน[2] ในเอเชียแปซิฟิก
บริการโทเค็นของวีซ่าทำหน้าที่เปลี่ยนหมายเลขบัตรเดบิตหรือบัตรเครดิต 16 หลักเป็นตัวระบุเฉพาะที่เรียกว่าโทเค็น ซึ่งมีเพียงวีซ่าเท่านั้นที่ปลดล็อคได้ โทเค็นของวีซ่าจะช่วยรักษาความปลอดภัยให้กับข้อมูลประจำตัวในการชำระเงิน ทำให้ถ่ายโอนข้อมูลได้อย่างปลอดภัยมากขึ้น ซึ่งช่วยปรับปรุงอัตราความสำเร็จในการชำระเงินและลดอัตราการฉ้อโกง คุณประโยชน์เหล่านี้ประกอบกับความสะดวกง่ายดายในการใช้งานบนอุปกรณ์ต่าง ๆ ทำให้ผู้บริโภคได้รับประสบการณ์ที่ดีขึ้น
โทเค็นเหล่านี้ยังช่วยปรับปรุงการประมวลผลในการชำระเงิน โดยเปิดโอกาสให้ควบคุมได้มากขึ้นและยกระดับการแลกเปลี่ยนข้อมูลในธุรกรรมแต่ละครั้ง การปรับปรุงเหล่านี้ช่วยลดกรณีที่ธุรกรรมที่ถูกต้องถูกระบบการชำระเงินปฏิเสธ ซึ่งเป็นประสบการณ์ที่อาจทำให้ผู้บริโภคและร้านค้าไม่พอใจได้ โดยร้านค้าที่ใช้บริการโทเค็นของวีซ่าในการชำระเงินทางดิจิทัลมีอัตราความสำเร็จในการชำระเงินที่สูงขึ้น หรือมีการอนุมัติเพิ่มขึ้น 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในขณะที่อัตราการฉ้อโกงในการชำระเงินก็ลดลงมากกว่าครึ่ง (58%)[3] ด้วย
เพรวิน พิลเลย์ (Previn Pillay) หัวหน้าฝ่ายขายและบริการรับชำระเงินสำหรับร้านค้าประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกของวีซ่า กล่าวว่า "ผู้บริโภคและธุรกิจต่างคาดหวังว่าการชำระเงินจะปลอดภัยและราบรื่น โดยมีโทเค็นเครือข่ายเป็นตัวช่วย เมื่อการอนุมัติเพิ่มขึ้นและอัตราการฉ้อโกงลดลงแล้ว ผู้ค้าจึงสามารถใช้เวลาและทรัพยากรอันมีค่าของตนไปกับการคิดค้นนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ และมีส่วนร่วมกับลูกค้าได้มากขึ้น เราขอเชิญชวนให้ร้านค้าหันมาใช้การชำระเงินแบบโทเค็น เพราะเทคโนโลยีนี้สร้างผลกระทบโดยตรงต่อรายได้และผลกำไรของพวกเขาได้"
นอกจากนี้ วีซ่ายังเดินหน้าขยับขยายประสบการณ์การชำระเงินสมัยใหม่ที่ข้อมูลประจำตัวแบบโทเค็นนำมาสู่สภาพแวดล้อมออนไลน์ได้ โดยโทเค็นทำให้ผู้บริโภคไม่จำเป็นต้องป้อนข้อมูลประจำตัว 16 หลักด้วยตนเองอีกต่อไปเมื่อชำระเงินออนไลน์ และไม่ต้องคอยอัปเดตรายละเอียดของบัตรในแพลตฟอร์มต่าง ๆ ให้ยุ่งยาก เมื่อบัตรหมดอายุหรือจำเป็นต้องเปลี่ยนใหม่ บริการโทเค็นของวีซ่าช่วยให้มั่นใจได้ว่า ร้านค้าจะอัปเดตข้อมูลการชำระเงินของลูกค้าได้อย่างปลอดภัยผ่านแพลตฟอร์มของวีซ่า ซึ่งจะช่วยให้ลูกค้าชำระเงินได้อย่างราบรื่นและไม่สะดุด โดยมีอัตราการปฏิเสธการขออนุมัติน้อยลง ไม่ว่าจะชำระเงินผ่านสมาร์ทโฟน อุปกรณ์สวมใส่ หรืออุปกรณ์อัจฉริยะ
ทีอาร์ รามจันทรัน (TR Ramachandran) หัวหน้าฝ่ายผลิตภัณฑ์และโซลูชันประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกของวีซ่า กล่าวว่า "โทเค็นช่วยกรุยทางไปสู่อนาคตของการค้าขาย เมื่อโอกาสในการคิดค้นนวัตกรรมใหม่ ๆ มีมากมาย ด้วยข้อมูลรับรองการชำระเงินแบบโทเค็นที่ช่วยปลดล็อกประสบการณ์ผู้บริโภคที่ทั้งแปลกใหม่และเฉพาะบุคคลมากขึ้นนอกเหนือจากบัตรวีซ่าจริง ๆ เรายังคงเดินหน้าต่อยอดขีดความสามารถที่ข้อมูลรับรองสมัยใหม่มีให้ ร่วมกับพันธมิตรของเรา เพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับทั้งอีโคซิสเต็มการชำระเงิน"
ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลงานของวีซ่าในการพลิกโฉมวงการโทเค็นได้ที่นี่
[1] ปริมาณการชำระเงินที่ประมวลผลโดยใช้ข้อมูลแบบโทเค็นผ่านวีซ่าเน็ต (VisaNet) ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก สำหรับรอบปีตั้งแต่เดือนมกราคมถึงธันวาคม 2566 คูณด้วยจำนวนการอนุมัติที่เพิ่มขึ้น |
[2] จำนวนโทเค็นที่ออกในระบบวีซ่า จากผู้ออกที่ได้รับอนุญาตในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ณ เดือนมีนาคม 2567 |
[3] ระบบฐานข้อมูลระดับโลกเพื่อการบริหารความเสี่ยงของวีซ่า ประจำไตรมาส 1-4 ปีการเงิน 2565 เปรียบเทียบอัตราการฉ้อโกงด้วยโทเค็นกับอัตราการฉ้อโกงด้วยหมายเลขบัญชีหลัก (PAN) ตามปริมาณการชำระเงิน สำหรับร้านค้าที่มีธุรกรรมโทเค็นแบบไม่แสดงบัตร (CNP) มากกว่า 1,000 รายการต่อเดือนต่อประเทศ ผลลัพธ์ของผู้ค้าแต่ละรายอาจแตกต่างกันไป |
เกี่ยวกับวีซ่า วีซ่า (Visa) (NYSE: V) เป็นผู้นำในการให้บริการชำระเงินดิจิทัลระดับโลก วีซ่าให้บริการในการทำธุรกรรมทางการเงินระหว่างผู้บริโภค ร้านค้า สถาบันการเงิน และหน่วยงานภาครัฐในกว่า 200 ประเทศและดินแดนทั่วโลก ภารกิจของเราคือการเชื่อมโยงโลกผ่านเครือข่ายนวัตกรรมการชำระเงินที่เชื่อถือได้ สะดวก และปลอดภัยสูงสุด เพื่อให้ผู้บริโภค ร้านค้า และเศรษฐกิจเติบโตอย่างยั่งยืน เราเชื่อว่าเศรษฐกิจที่รวมทุกคนในทุกที่เข้าด้วยกัน จะช่วยยกระดับทุกคนในทุกที่ และมองว่าการเข้าถึงเป็นรากฐานสำคัญในการเคลื่อนย้ายเงินในอนาคต ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Visa.com