กรุงเทพฯ, 26 ม.ค. 2567 /พีอาร์นิวส์ไวร์/ดาต้าเซ็ต
FBS โบรกเกอร์ชั้นนำระดับโลก ขอเน้นย้ำโอกาสใหม่ ๆ สำหรับนักลงทุนเมื่อตลาดหุ้นสหรัฐทำสถิติใหม่เป็นประวัติการณ์ในช่วงต้นปี 2567 โดยหลังจากที่หุ้นสหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างโดดเด่นส่งท้ายปี 2566 แล้ว ประเด็นในเรื่องอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น การชะลอตัวของเศรษฐกิจ และเงินเฟ้อที่ร้อนแรง ก็กลายเป็นสิ่งที่คนมีความกังวลลดลง ทำให้วงการเทรดในไตรมาสแรกของปีนี้มีแนวโน้มสดใสน่าจับตาอย่างมาก
นักวิเคราะห์ตลาดเงินของ FBS เปิดเผยว่า การที่เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) กลับมาเป็นที่สนใจอีกครั้ง ส่งผลให้ดัชนีแนสแด็ก คอมโพสิต (Nasdaq Composite) ทำผลงานรวมทั้งปีได้อย่างโดดเด่นที่สุดนับตั้งแต่ปี 2552 ซึ่งทำให้ภาคส่วนตลาดหุ้นสายเทคโนโลยีนี้มีความร้อนแรงมากขึ้น ซึ่งในเดือนมกราคม 2567 นั้น ดัชนีแนสแด็ก คอมโพสิต, เอสแอนด์พี 500 (S&P 500) และดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average) ล้วนปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ ปัจจัยต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ย ความเสี่ยงในการเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย และตัวเลขผลประกอบการของบริษัทต่าง ๆ จะยังคงเข้ามากำหนดทิศทางของตลาดเงินในปี 2567 โดยมีปัจจัยและเหตุการณ์ต่าง ๆ มากมายที่ทำให้ตลาดหุ้นสหรัฐส่งสัญญาณขาขึ้นอย่างเด่นชัดเป็นพิเศษ เช่น
- ราคาพลังงานปรับตัวลดลง ขณะที่เงินเฟ้อส่งสัญญาณลดความร้อนแรง
- เมื่อดัชนีราคาจากรายจ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ยังคงอยู่เหนือเป้าหมายระยะยาวของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ทางเฟดจึงได้มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 5.25-5.50% ซึ่งก่อให้เกิดการคาดการณ์ว่าเฟดจะดำเนินการอย่างไรต่อไป รวมถึงการปรับลดดอกเบี้ยด้วย
- แบบจำลองโอกาสในการเกิดภาวะถดถอยของธนาคารกลางสหรัฐ สาขานิวยอร์ก คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจสหรัฐมีโอกาสอยู่ 51.8% ในการเกิดภาวะถดถอยภายใน 12 เดือนข้างหน้า ซึ่งทำให้เทรดเดอร์เกิดความกังวล
- ธุรกิจองค์กรหลายแห่งได้เริ่มรายงานผลประกอบการประจำไตรมาส 4 ปี 2566 กันไปแล้วในเดือนมกราคม 2567 ซึ่งตลาดคาดการณ์ว่าผลประกอบการจะเติบโตในระดับปานกลาง โดยคาดกันว่าบริษัทในดัชนีเอสแอนด์พี 500 จะมีกำไรเพิ่มขึ้น 2.4% ส่วนรายได้น่าจะเพิ่มขึ้น 3.1%
- นักวิเคราะห์ของ FBS คาดการณ์ว่า บริษัทในดัชนีเอสแอนด์พี 500 น่าจะมีกำไรรวมทั้งปีเพิ่มขึ้น 11.5% ในปี 2567 อย่างไรก็ดี แนวโน้มที่สดใสนี้แตกต่างกันไปในแต่ละภาคส่วน โดยหุ้นบริษัทพลังงานและบริการด้านการสื่อสารมีแนวโน้มดีกว่าภาคส่วนอื่น ๆ ส่วนหุ้นในกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคจำเป็นมักมีอัตรา "ซื้อ" ที่น้อยกว่ากลุ่มอื่น ๆ อยู่แล้ว
สำหรับอนาคตข้างหน้านั้น นักวิเคราะห์ของ FBS ขอให้เทรดเดอร์พิจารณากลยุทธ์การลงทุนอย่างรอบคอบ โดยเน้นสร้างพอร์ตการลงทุนให้สมดุลและหลากหลาย และให้ความสำคัญกับบริษัทที่มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง ก่อนตัดสินใจเทรดใด ๆ ควรพิจารณาปัจจัยต่าง ๆ อย่างอดทนและระมัดระวัง และขอให้เฝ้าติดตามการดำเนินการของธนาคารกลางสหรัฐและสถานการณ์ทางภูมิศาสตร์การเมืองอย่างใกล้ชิด โดยนักลงทุนไม่ควรตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงในระยะสั้นมากเกินไป
ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับบริการของ FBS ได้ที่ www.fbs.com
ข้อสงวนสิทธิ์: เนื้อหานี้มิได้มีเจตนาที่จะชี้นำ ชี้แนะ หรือให้คำแนะนำในการซื้อขายใด ๆ ทั้งสิ้น และมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ข้อมูลเพียงเท่านั้น
เกี่ยวกับ FBS
FBS เป็นโบรกเกอร์ระดับโลกที่ได้รับใบอนุญาตซึ่งมีประสบการณ์มากกว่า 14 ปี และได้รับรางวัลระดับสากลมากกว่า 90 รางวัล FBS กำลังพัฒนาอย่างต่อเนื่องในฐานะที่เป็นหนึ่งในโบรกเกอร์ที่ได้รับความไว้วางใจมากที่สุดในตลาด โดยมีเทรดเดอร์มากกว่า 27,000,000 ราย และพาร์ตเนอร์มากกว่า 500,000 รายทั่วโลก ปริมาณการซื้อขายต่อปีของลูกค้า FBS นั้นมีมากกว่า $8.9 ล้านล้าน นอกจากนี้ FBS ยังเป็นหุ้นส่วนอย่างเป็นทางการของสโมสรฟุตบอลเลสเตอร์ซิตี้อีกด้วย